เทคนิคจัดสรรเงินแบบเริ่มต้นใหม่ เพื่อชีวิตที่มั่งคั่งปี 2568

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
14 มกราคม 2568
6.981k views
TSI Article 655 Inv Beginner Financial Planning Wealth Building Tips 2025
Highlights
  • Zero-Based Budgeting คือการวางแผนการเงินโดยเริ่มต้นจากศูนย์ทุกเดือน จัดสรรรายได้ทั้งหมดให้กับหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จนเหลือศูนย์ ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน

  • ขั้นตอนสำคัญของ Zero-Based Budgeting ประกอบด้วยการรวบรวมรายได้ทั้งหมด จัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่าย และจัดสรรงบประมาณตามหลัก 50/30/20

  • เทคนิคการทำให้ Zero-Based Budgeting ประสบความสำเร็จ ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีเป็นผู้ช่วย การสร้างระบบติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ และการเตรียมแผนฉุกเฉินรอบด้าน

เมื่อย่างเข้าสู่ปี 2568 หลายคนมักตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต และการเงินมักเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ต้องการปรับปรุง แต่มีคำถามว่าทำไมหลายคนถึงทำไม่สำเร็จ คำตอบอยู่ที่การขาดระบบการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการไปให้ถึงเป้าหมาย ลองวิธีจัดการทางการเงินที่เรียกว่า การทำงบประมาณแบบเริ่มจากศูนย์ (Zero-Based Budgeting) ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

 

Zero-Based Budgeting คือการวางแผนการเงินที่เริ่มต้นจากศูนย์ในทุก ๆ เดือน โดยจัดสรรรายได้ทั้งหมดให้กับหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จนเหลือศูนย์ ตามแนวคิดที่ว่า “ทุกบาทต้องมีหน้าที่” จากการศึกษาของ Personal Finance Research Center แห่งมหาวิทยาลัย Bristol พบว่า ผู้ที่ใช้วิธีดังกล่าวมีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินสูงกว่าผู้ที่ไม่ใช้ถึง 73%

ขั้นตอนการทำ Zero-Based Budgeting แบบลงมือทำได้ทันที

• รวบรวมรายได้ทั้งหมด

รวบรวมรายได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนประจำ รายได้จากการทำงานพิเศษ โบนัสที่ได้รับ หรือผลตอบแทนจากการลงทุนต่าง ๆ การรู้ตัวเลขรายได้ที่แท้จริงจะช่วยให้วางแผนการใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำ

• จัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่าย

จัดสรรเงินตามหลัก 50/30/20 โดย 50% สำหรับความจำเป็นพื้นฐาน (เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน และค่าประกันต่าง ๆ ที่จำเป็น) 30% สำหรับความต้องการ (เช่น ท่องเที่ยวพักผ่อน กิจกรรมบันเทิง การชอปปิง) 20% สำหรับการออมและการลงทุน (เช่น การเก็บออมฉุกเฉิน การชำระหนี้ การลงทุนเพื่อวัยเกษียณ)

การจัดสรรงบประมาณแบบ Zero-Based เป็นหัวใจสำคัญของการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ จากการศึกษาของ Financial Planning Association (FPA) พบว่าการเริ่มจัดสรรงบประมาณทันทีที่ได้รับเงินเดือนจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการบริหารการเงินได้มากถึง 80%

วิธีการจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นระบบ

• ตั้งเป้าหมายทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนจะเริ่มจัดสรรเงิน สิ่งสำคัญ คือ การมีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยอาจแบ่งเป้าหมายออกเป็น 3 ระยะ เริ่มจากเป้าหมายระยะสั้น 1 – 12 เดือน (เช่น การเก็บออมฉุกเฉิน การซื้อสินทรัพย์จำเป็น หรือการวางแผนท่องเที่ยว) ต่อด้วยเป้าหมายระยะกลาง 1- 5 ปี (เช่น การดาวน์บ้าน การเริ่มธุรกิจ การลงทุนเพื่อสร้างรายได้เสริม) และสุดท้าย คือ เป้าหมายระยะยาว 5 ปีขึ้นไป (เช่น การวางแผนเกษียณ การสร้างความมั่งคั่ง หรือการส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศ)

• จัดสรรเงินตามหลักจ่ายให้ตัวเองก่อน

หลักการจ่ายให้ตัวเองก่อน (Pay Yourself First) เป็นกุญแจสำคัญสู่ความมั่งคั่ง โดยทันทีที่ได้รับเงินเดือน ให้ตั้งคำสั่งโอนเงินอัตโนมัติไปยังบัญชีออมทรัพย์และการลงทุน รวมถึงการชำระหนี้ตามกำหนด วิธีนี้จะช่วยให้มีวินัยในการออมและการลงทุน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะลืมหรือใช้เงินเกินตัว

• จัดการค่าใช้จ่ายคงที่อย่างมีประสิทธิภาพ

ค่าใช้จ่ายคงที่เป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์และวางแผนล่วงหน้าได้ ควรตั้งคำสั่งจ่ายอัตโนมัติสำหรับค่าเช่า ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าโทรศัพท์ จะช่วยให้ไม่พลาดการชำระเงินและประหยัดเวลาในการจัดการ นอกจากนี้ ควรจัดเตรียมเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายประจำที่ไม่สามารถตั้งคำสั่งจ่ายอัตโนมัติได้ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ

• บริหารค่าใช้จ่ายผันแปรอย่างยืดหยุ่น

เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องการการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นแต่มีระเบียบ ด้วยการแบ่งเงินเป็นก้อน ๆ ตามหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย เช่น หากมีงบสำหรับค่าใช้จ่ายผันแปร 15,000 บาท แบ่งเป็น 6,000 บาทสำหรับค่าอาหาร 3,000 บาทสำหรับความบันเทิง 4,000 บาทสำหรับชอปปิง และ 2,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด การติดตามค่าใช้จ่ายรายวันจะช่วยให้ไม่ใช้เงินเกินงบที่ตั้งไว้ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความจำเป็น

เทคนิคการทำให้ Zero-Based Budgeting ประสบความสำเร็จ

• ใช้เทคโนโลยีเป็นผู้ช่วย

ในยุคดิจิทัล การพึ่งพาเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า จากการศึกษาของ FinTech Innovation Lab พบว่าผู้ที่ใช้แอปพลิเคชันจัดการการเงินมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำงบประมาณสูงถึง 82% เนื่องจากจะช่วยติดตามค่าใช้จ่าย แจ้งเตือนเมื่อใช้จ่ายเกินงบ และสรุปภาพรวมทางการเงินได้อย่างแม่นยำ

• สร้างระบบติดตามและประเมินผลที่มีชีวิต

การทำ Zero-Based ไม่ใช่การวางแผนครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องมีการติดตามและปรับแผนอย่างสม่ำเสมอ โดยจัดสรรเวลาทุกสัปดาห์เพื่อทบทวนค่าใช้จ่าย สังเกตว่ามีรายจ่ายใดที่เกินงบหรือต่ำกว่าที่วางแผนไว้ เพื่อที่จะได้ปรับแผนในเดือนถัดไปให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น และทุกสิ้นเดือนควรวิเคราะห์ภาพรวมว่าแผนที่วางไว้เป็นไปได้จริงหรือไม่ มีค่าใช้จ่ายใดที่ประเมินต่ำหรือสูงเกินไป และทุกไตรมาสควรดูแนวโน้มการใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์การเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

• เตรียมแผนฉุกเฉินรอบด้าน

การมีแผนรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3 – 6  เดือนของค่าใช้จ่ายจำเป็น จะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการตกงาน เจ็บป่วย หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอื่น ๆ นอกจากนี้ การทำประกันที่จำเป็น เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันชีวิต ก็เป็นอีกหนึ่งเกราะป้องกันที่จะช่วยไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันกระทบกับแผนการเงินมากเกินไป

การปรับใช้การจัดสรรงบประมาณแบบ Zero-Based ให้เข้ากับคนไทย

• ความท้าทายด้านรายได้ที่ไม่แน่นอน

ควรเริ่มจากการประเมินรายได้ขั้นต่ำที่มั่นใจว่าจะได้รับในแต่ละเดือน และใช้ตัวเลขนี้เป็นฐานในการวางแผน หากเดือนไหนมีรายได้มากกว่าที่คาดการณ์ ควรจัดสรรส่วนเกินนี้ไปเก็บออมหรือลงทุนทันที

• การวางแผนรับมือค่าใช้จ่ายตามเทศกาล

ประเทศไทยมีเทศกาลสำคัญหลายช่วงในรอบปี ซึ่งมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายพิเศษ ดังนั้น การวางแผนการเงินแบบ Zero-Based จึงควรมีการกันเงินไว้สำหรับเทศกาลเหล่านี้ตั้งแต่ต้นปี เริ่มต้นด้วยการประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งปีสำหรับเทศกาลต่าง ๆ แล้วหารเฉลี่ยรายเดือน เช่น คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายช่วงปีใหม่ 20,000 บาท สงกรานต์ 15,000 บาท และเทศกาลอื่น ๆ อีก 15,000 บาท (รวม 50,000 บาทต่อปี) ให้กันเงินเดือนละประมาณ 4,200 บาทไว้ในบัญชีแยกต่างหาก เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายปกติ

• การวางแผนดูแลครอบครัว

วัฒนธรรมไทยให้ความสำคัญกับการดูแลพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ การวางแผนการเงินแบบ Zero-Based  จึงต้องคำนึงถึงภาระนี้ด้วย โดยจัดสรรงบประมาณสำหรับการดูแลครอบครัวเป็นหมวดหมู่ ไม่ควรรวมไว้ในหมวดค่าใช้จ่ายทั่วไป
 
ตัวอย่าง
มีรายได้ 50,000 บาท อาจแบ่งเป็น
40% (20,000 บาท) สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นของตัวเอง
20% (10,000 บาท) สำหรับการดูแลพ่อแม่และครอบครัว
20% (10,000 บาท) สำหรับความสุขและความบันเทิง
20% (10,000 บาท) สำหรับการออมและลงทุน

การจัดสรรเงินแบบเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่เพียงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่เป็นการปรับเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรมทางการเงินทั้งหมด ถึงแม้หลายคนอาจมองว่าการเริ่มต้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมเริ่มจากก้าวแรก เริ่มจากการทำความเข้าใจรายรับรายจ่ายของตัวเอง วางแผนอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญ คือ การลงมือทำอย่างจริงจัง ความสำเร็จทางการเงินไม่ได้วัดจากจำนวนเงินในบัญชี แต่วัดจากความสามารถในการบริหารจัดการเงินที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

เริ่มต้นปี 2568 ด้วยการวางรากฐานทางการเงินที่มั่นคง ด้วยการจัดสรรเงินแบบเริ่มต้นใหม่ เพราะทุกบาทที่บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของอิสรภาพทางการเงินในวันข้างหน้า


สำหรับผู้ที่สนใจ เรียนรู้แนวทางวางแผนการเงินเพื่อเป้าหมายชีวิต และการใช้เครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ในการสำรวจสถานะทางการเงินของตนเอง เพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตของตนเองได้ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ชีวิตดี เริ่มต้นที่การวางแผน ได้ฟรี!!!

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน