จะดีแค่ไหน หากสามารถลงทุนด้วยธีม ESG พร้อมได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีได้ในเวลาเดียวกันไป หากใครกำลังมองหากองทุนลดหย่อนภาษีอยู่ ห้ามพลาดกับกองทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (กองทุน Thai ESG) ในบทความนี้จะมาไขข้อสงสัยว่ากองทุน Thai ESG คืออะไร ดีไหม เหมาะกับใคร และควรเริ่มลงทุนเท่าไร
กองทุน Thai ESG เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ในประเทศไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ตราสารหนี้, ตราสารทุน เป็นต้น โดยคำนึงถึงหลัก ESG (Environment, Social และ Governance) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในกิจการที่เน้นความยั่งยืน
นอกจากนั้น ยังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีแบบจัดเต็ม เพราะสามารถลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน ไม่เกิน 300,000 บาท โดยไม่นับรวมวงเงินกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณ เช่น กองทุน SSF, กองทุน RMF, เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
กองทุน Thai ESG เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในธีม ESG และผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาเลือกกองทุน Thai ESG ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ เช่น หากนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้สูง อาจเลือกลงทุนในกองทุน Thai ESG ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเป็นหลัก หรือกองทุนแบบผสม เพื่อคาดหวังผลตอบแทน ในระยะยาว ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจเลือกลงทุนในกองทุน Thai ESG มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล
ขึ้นอยู่กับความต้องการในการลดหย่อนภาษีของแต่ละบุคคล อาจพิจารณาจากเงินได้พึงประเมินและฐานภาษีของนักลงทุน ตัวอย่างเช่น นาย A มีเงินได้พึงประเมิน 300,000 บาทต่อปี นาย A จะสามารถลงทุนในกองทุน Thai ESG ได้ 90,000 บาท (30% ของ 300,000 บาท)
ในขณะที่ นาย B มีเงินได้พึงประเมิน 2,000,000 บาทต่อปี แต่นาย B จะสามารถลงทุนในกองทุน Thai ESG ได้เพียง 300,000 บาทเท่านั้น เนื่องจาก 30% ของ 2,000,000 บาท เท่ากับ 600,000 บาท ซึ่งเกินเงินลงทุนสูงสุดที่สามารถลงทุนได้ที่ 300,000 บาท
ทั้งนี้ หากลงทุนกองทุน Thai ESG เต็มสิทธิแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอต่อเป้าหมายในการลดหย่อนภาษี สามารถพิจารณาสิทธิลดหย่อนภาษีที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของตัวเองเพิ่มเติมได้ เช่น การลงทุนในกองทุน RMF เพิ่มเติม, การเพิ่มเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามการอัปเดตค่าลดหย่อนภาษีในแต่ละปี เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด
การขายกองทุน Thai ESG ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี นักลงทุนจะต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงทุน
หลายคนอาจมีคำถามว่า กองทุน Thai ESG มาแทนกองทุน SSF ที่สามารถลงทุนได้ถึงปี 2567 หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่ แม้ทั้ง 2 กองทุนจะเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในหลายมิติ เช่น
กองทุน Thai ESG เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ในประเทศ ในขณะที่กองทุน SSF สามารถลงทุนได้หลายสินทรัพย์
กองทุน Thai ESG ลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน ไม่เกิน 300,000 บาท ไม่นับรวมวงเงินกองทุนการออมเพื่อเกษียณ ในขณะที่กองทุน SSF ลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน ไม่เกิน 200,000 บาท แต่ต้องคำนวณวงเงินที่สามารถลงทุนได้รวมกับวงเงินกองทุนการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรวางแผนภาษีโดยคำนึงถึงสภาพคล่องทางการเงิน เป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ รวมถึงติดตามอัปเดตสิทธิลดหย่อนภาษีในแต่ละปี เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่และเหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวเอง
หมายเหตุ :