ครึ่งแรกของปี 2568 ได้ผ่านพ้นไปท่ามกลางเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกผันผวน และกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนในภาพรวม รวมถึงผลการดำเนินงานของหลักทรัพย์ต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วในภาวะดังกล่าว มิได้หมายความว่าสินทรัพย์ทุกประเภทจะได้รับผลกระทบในเชิงลบเสมอไป หากเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีหลักทรัพย์หลายรายการที่แสดงถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจ หรือมีการปรับกลยุทธ์เชิงรุก จนสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นและกลายเป็นผู้นำในตลาดช่วงครึ่งปีแรก สำหรับ DR (Depositary Receipt) นั้น… มีตัวไหนบ้าง ที่ทำผลตอบแทนชนะท่ามกลางความผันผวน จนก้าวไปเป็นในระดับท็อป ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา ? บทความนี้ได้รวบรวมและจัดอันดับ DR ที่มีระดับผลตอบแทนสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก โดยแบ่งออกเป็น 3 ธีม จะมี DR ตัวไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย !!
กลุ่ม “Tech Innovators”
Tech Innovators หรือกลุ่มของสินค้า และบริการที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ ที่พร้อมพลิกโฉมโลก ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมนี้กลายเป็นที่สนใจจากผู้ลงทุนทั่วทั้งโลก เนื่องจากเทรนด์ของ AI ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ ลงทุนในโปรเจกต์ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีแห่งอนาคตอื่น ๆ กันมากยิ่งขึ้น
5 DR หุ้นนอก ระดับหัวแถว จากกลุ่ม “Tech Innovators” ช่วงครึ่งปีแรก 2568
อันดับที่ 1 : “STEG19” (SINGAPORE TECHNOLOGIES ENGINEERING LTD)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +71%
บริษัทวิศวกรรมเทคโนโลยีด้านอากาศยาน ระบบป้องกันทางไซเบอร์ และดาวเทียม ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นธุรกิจกระดูกสันหลังสำหรับระบบสมาร์ตซิตีของสิงคโปร์ โดยการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จในหน่วยธุรกิจการบินพาณิชย์และหน่วยกลาโหม รวมถึงการได้เซ็นสัญญาคำสั่งซื้อฉบับใหม่ระยะยาวมูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในช่วงไตรมาส 4/2567 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 37% เมื่อเทียบกับช่วง 1 ปีย้อนหลัง
อันดับที่ 2 : “XIAOMI80” (XIAOMI CORPORATION)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +64%
บริษัทเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์อัจฉริยะแบบครบวงจรจากจีน ที่กำลังขยายสู่ระบบนิเวศ IoT ซึ่งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจของ Xiaomi ถือว่าประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากทั้งยอดส่งมอบสมาร์ตโฟนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศจีน ธุรกิจ IoT ที่เติบโตขึ้น และการปักหมุดธุรกิจรถยนต์ EV ที่มีแนวโน้มไปได้ดีในระยะยาว
อันดับที่ 3 : “NETEASE80” (NETEASE, INC.)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +42%
บริษัทผู้พัฒนาวิดีโอเกมออนไลน์บนมือถือและ PC รายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Z ชาวจีน ซึ่ง NetEase ยังคงได้รับอานิสงส์ของความนิยม และรายได้จากวิดีโอเกมในเครือหลาย ๆ เกม เช่น Marvel Rivals ต่อเนื่องมาจากสิ้นปี 2567 จนส่งผลให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 12.1% ในไตรมาส 1/2568 (YoY) ที่ผ่านมา
อันดับที่ 4 : “XIAOMI19” (XIAOMI CORPORATION)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +37%
XIAOMI19 ออกโดย บล.หยวนต้า ซึ่งมีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นตัวเดียวกันกับ XIAOMI80 ที่ออกโดยธนาคารกรุงไทย แม้สินทรัพย์อ้างอิงเป็นตัวเดียวกัน แต่เนื่องจากกรอบการคำนวณผลตอบแทนใช้ % ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี กรณีของ XIAOMI19 เริ่มจดทะเบียนซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันที่ 22 เม.ย. 2568 จึงทำให้ผลตอบแทนต่างจาก XIAOMI80
อันดับที่ 5 : “NFLX80” (NETFLIX, INC.)
ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +36%
ผู้ให้บริการความบันเทิงชั้นนำระดับโลกผ่านระบบ Streaming ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ ที่มีการผลิตคอนเทนต์ใหม่ ๆ รวมถึงคอนเทนต์ภาคต่อที่น่าสนใจ จนเกิดการสมัครสมาชิกและการติดตามคอนเทนต์จากผู้คนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านมา Netflix ทำรายได้ทั่วโลก 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในไตรมาส 1/2567
หมายเหตุ : เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2567 (หรือตั้งแต่วันที่จัดตั้ง DR กรณีเริ่มซื้อขายในปี 2568) - 30 มิ.ย. 2568
กลุ่ม “Industry Leaders”
กลุ่ม Industry Leaders ถือเป็นกลุ่มสินค้า และบริการระดับยักษ์ใหญ่ ที่เป็นผู้นำแห่งยุค ทั้งในด้านไลฟ์สไตล์ และการแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนในทุกระดับและทุกเวลา ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มการลงทุนที่น่าสนใจ จากการที่สินค้าส่วนใหญ่มักเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ผู้คนต่างก็เลือกใช้ หรือการเป็นสินค้าที่ผู้คนต่างก็ยอมจ่ายเงินเพื่อได้มาครอบครองตามกระแสความนิยมเช่นกัน
5 DR หุ้นนอก ระดับหัวแถว จากกลุ่ม “Industry Leaders” ช่วงครึ่งปีแรก 2568
อันดับที่ 1 : “POPMART80” (POP MART INTERNATIONAL GROUP LIMITED)
ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +123%
ผู้นำด้านธุรกิจของเล่นสะสม และ Art Toy ที่มีตัวละครลิขสิทธิ์ยอดนิยมอย่าง MOLLY, DIMOO และ LABUBU จนทำให้มีผู้คนเป็นจำนวนมากยอมจ่ายเงินเพื่อครอบครอง โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นอกจากความนิยมทั้งภายในและนอกประเทศแล้ว Pop Mart ยังได้ประกาศเปิดไลน์ธุรกิจใหม่ “Popop” เครื่องประดับสำหรับสุภาพสตรี ซึ่งเป็นสัญญาณว่าธุรกิจยังคงมองหาโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อันดับที่ 2 : “MITSU19” (MITSUBISHI HEAVY INDUSTRIES, LTD.)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +63%
ผู้ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า เครื่องบิน เรือพาณิชย์ และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีสินค้าครอบคลุมตั้งแต่ชีวิตประจำวันของผู้คนไปจนถึงระบบโครงสร้างระดับประเทศ โดยในช่วงไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านมา ยอดคำสั่งซื้อสินค้ารวมเพิ่มขึ้น 5.8% และรายได้เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านยอดคำสั่งซื้อ รายได้ กำไรสุทธิ และกระแสเงินสดอิสระ
อันดับที่ 3 : “NINTENDO19” (NINTENDO CO., LTD.)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +57%
ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเครื่องเล่นเกม Console ที่มีฐานแฟนเกมกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งโลก และพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อเป็นเจ้าของ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา Nintendo มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากประกาศเปิดตัว และเริ่มจัดจำหน่ายเครื่อง Console ตัวใหม่ อย่าง Nintendo Switch 2 ที่กระแสแรง และสามารถขายได้ 3.5 ล้านเครื่องทั่วโลกทันที หลังจากการวางจำหน่ายเพียง 4 วัน
อันดับที่ 4 : “SINGTEL80” (SINGAPORE TELECOMMUNICATIONS LIMITED)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +25%
บริษัทด้านโทรคมนาคมของสิงคโปร์ ที่เปรียบเสมือนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ และมีลูกค้ากว่า 21 ประเทศ จากทั่วโลก ฐานลูกค้ามากกว่า 780 ล้านคนที่ใช้บริการเครือข่ายของบริษัทฯ
อันดับที่ 5 : “LOREAL80” (L'OREAL SA)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +13%
ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง สกินแคร์ และแฮร์แคร์ระดับโลก ที่ผู้คนส่วนใหญ่ต้องมีติดบ้านทั้งแบบที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว เช่น Garnier, Maybelline New York และ CeraVe ซึ่งนอกเหนือจากสินค้าทั่วไปแล้ว กลุ่มสินค้าพรีเมียม เช่น Yves Saint Laurent, Valentino ก็ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้รายได้โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตได้ โดยในส่วนของการเติบโตในไตรมาส 1/2568 นั้น กลุ่มสินค้าพรีเมียม (Luxe) เติบโตเพิ่มมากขึ้นถึง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายในกลุ่มอื่นยังขยายตัวจากความต้องการธุรกิจน้ำหอม และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
หมายเหตุ : เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2567 (หรือตั้งแต่วันที่จัดตั้ง DR กรณีเริ่มซื้อขายในปี 2568) - 30 มิ.ย. 2568
กลุ่ม “Diversified Growth”
ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนและความเสี่ยง ต่างก็มักจะมองไปที่ “ภาพรวมภาพใหญ่” เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ, สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ลงทุนอื่น หรือแม้แต่ดัชนีตลาดหุ้น เพื่อใช้เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการกระจายการลงทุนมากยิ่งขึ้น
เพราะภาพรวมของแต่ละสินทรัพย์ต่างก็มีจุดเด่น และศักยภาพในการเติบโตที่แตกต่างกัน และนั่นทำให้กลุ่ม Diversified Growth ถือเป็นอีกกลุ่มที่สามารถใช้ลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนโดยรวมได้ ผ่านการลงทุนใน DR ที่อ้างอิงกับ ETF
5 DR ETF ระดับหัวแถว จากกลุ่ม “Diversified Growth” ช่วงครึ่งปีแรก 2568
อันดับที่ 1 : “GOLD19” (SPDR GOLD SHARES (GSD))
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +18%
ETF ที่อ้างอิงกับ SPDR Gold Shares จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ที่ลงทุนในทองคำแท่ง 99.5% เก็บรักษาโดยธนาคาร HSBC และ JP Morgan ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงที่น่าสนใจ เนื่องจากราคาทองมักปรับตัวขึ้นในภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวน เช่น ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เช่น สงครามการค้า 2.0 หรือสงครามทางภูมิศาสตร์ ที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อันดับที่ 2 : “GOLD03” ( SPDR Gold Trust (2840)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +16%
ETF ที่อ้างอิงกับ SPDR Gold Trust จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งมีกองแม่เป็นกองเดียวกับ GOLD19 แต่ต่างกันเพียงประเทศที่จดทะเบียน
อันดับที่ 3 : “HK13” (TRACKER FUND OF HONG KONG ETF)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +15.47%
ETF ที่อ้างอิงกับ Tracker Fund of Hong Kong ETF (2800 HK) ซึ่งลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ และสภาพคล่องสูงในตลาดหุ้นฮ่องกง 80 ตัว ในดัชนี Hang Seng การเติบโตในช่วงครึ่งปีแรกส่วนหนึ่งมาจากเงินทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงและการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มหุ้นเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน
อันดับที่ 4 : “HK01” (TRACKER FUND OF HONG KONG ETF)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +15.25%
HK01 ออกโดย บล.บัวหลวง อ้างอิงหลักทรัพย์เดียวกับ HK13 ที่ออกโดย บล.เคจีไอ ต่างกันเพียงผู้ออก DR ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/684-investhow-5-tips-before-invest-dr-2025
อันดับที่ 5 : “HKCE01” (HANG SENG CHINA ENTERPRISES INDEX ETF)
* ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) : +12%
ETF ที่อ้างอิงกับ Hang Seng China Enterprises Index ETF (2828.HK) ลงทุนในหุ้นชั้นนำของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง 50 ตัว ปัจจุบันเกือบครึ่งหนึ่งของดัชนีอยู่ในกลุ่มหุ้น new economy เช่น เทคโนโลยีและการแพทย์ สะท้อนการพัฒนาเทคโนโลยีและ AI ในจีน และได้รับแรงหนุนจากเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ H-Share มากขึ้น
หมายเหตุ : เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2567 (หรือตั้งแต่วันที่จัดตั้ง DR กรณีเริ่มซื้อขายในปี 2568) - 30 มิ.ย. 2568
👉 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DR คลิกที่นี่ : www.set.or.th/dr
🔔ผู้ลงทุนที่มีบัญชีหุ้นไทย สามารถพิมพ์ชื่อย่อหลักทรัพย์ตามด้วยหมายเลขผู้ออก หรือเลือกดูรายชื่อ DR ทั้งหมดผ่านแอป Streaming โดยไปที่เมนู “Watch” กดที่ “Favourite” เลือก “SET” ไปที่ “Stock Type” และเลือก “.DR”
📲 หากยังไม่มีบัญชีหุ้น เริ่มต้นเปิดบัญชีลงทุนผ่านแอป Streaming ได้ที่ : https://www.setinvestnow.com/th/open-account-stock-eopen
📲 ผู้ลงทุนที่มีบัญชีหุ้นไทย สามารถพิมพ์ชื่อย่อหลักทรัพย์ตามด้วยหมายเลขผู้ออก หรือเลือกดูรายชื่อ DR ทั้งหมดผ่านแอป Streaming โดยไปที่เมนู “Watch” กดที่ “Favourite” เลือก “SET” ไปที่ “Stock Type” และเลือก “.DR”
หากยังไม่มีบัญชีหุ้น เริ่มต้นเปิดบัญชีลงทุนผ่านแอป Streaming ได้ที่ :
📲 https://www.setinvestnow.com/th/open-account-stock-eopen
👉 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DR คลิกที่นี่
1. ข้อมูลภาพรวม DR : www.set.or.th/dr
หมายเหตุ
- ข้อมูลที่ปรากฏนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลในอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นโดยการอิงกับไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Based) หรือกระแส (Trend) อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่รับรองความถูกต้อง ครบถ้วน หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ และตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี
- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินในลงทุน