ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนส่วนใหญ่มักหวั่นไหวและขายหุ้นทิ้ง แต่สำหรับนักลงทุนสไตล์เน้นคุณค่า (Value Investor หรือ VI) กลับมองว่านี่คือโอกาสทองในการเลือกหุ้นคุณภาพดีที่ราคาถูก การลงทุนหุ้นสไตล์ VI ให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการวิเคราะห์หุ้น ดังนั้น หากค้นหาหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีศักยภาพการเติบโต และมีราคาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว ย่อมมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืน
ในการเริ่มต้นค้นหาหุ้นคุณค่า สามารถใช้เครื่องมือคัดกรองหุ้นที่มีให้บริการฟรีอย่าง SETSMART ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยหลักการสำคัญในการคัดกรองคือ “ถูก ดี และมีการเติบโต”
เมื่อราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง อาจหมายถึงตลาดกำลังมองข้ามศักยภาพของบริษัท แต่หากบริษัทยังคงมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง นี่คือโอกาสทองของนักลงทุน VI ที่จะเข้าซื้อก่อนที่ตลาดจะรับรู้และราคาปรับขึ้น
หุ้น VI ที่ดีต้องมีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของกำไรและเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาทั้งปัจจัยภายนอก เช่น โอกาสทางการตลาด ศักยภาพการขยายธุรกิจ และสภาพการแข่งขัน รวมถึงปัจจัยภายในอย่างวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและความสามารถในการดำเนินการตามแผน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากการติดตามข่าวสาร การเข้าร่วม Opportunity Day และการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การวิเคราะห์งบการเงินอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับเคล็ดลับที่จะช่วยให้วิเคราะห์งบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีดังนี้
การวิเคราะห์แบบพื้นฐานเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน ควรพิจารณาตัวชี้วัดสำคัญต่าง ๆ เช่น กำไรต่อหุ้น (EPS), อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio), อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio), อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ซึ่งการวิเคราะห์เหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจสถานะทางการเงินของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
ในช่วงตลาดผันผวน ควรให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ส่วนแบ่งการตลาดที่มั่นคง ความสามารถในการจ่ายเงินปันผล โดยบริษัทที่มีคุณภาพสูงมักจะสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีกว่า
แทนที่จะมุ่งเน้นเพียงผลประกอบการระยะสั้น ให้วิเคราะห์แนวโน้มทางการเงินในระยะยาว โดยพิจารณาการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ การพัฒนาของส่วนแบ่งการตลาด เพราะการมองภาพระยะยาวจะช่วยให้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของบริษัท แม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานของบริษัทกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์แนวนอน การวิเคราะห์แนวตั้ง การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เห็นว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
อย่าลืมพิจารณาปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท เช่น สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม นโยบายของรัฐบาล เพราะการเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ประเมินความเสี่ยงและโอกาสของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น
การเลือกหุ้นสไตล์ VI ในภาวะตลาดผันผวนเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส หัวใจสำคัญคือ การวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ทั้งการคัดกรองหุ้นราคาถูก การประเมินคุณภาพธุรกิจผ่านงบการเงิน และการมองหาศักยภาพการเติบโต เมื่อคุณพบหุ้นที่มีคุณสมบัติครบทั้งสามประการ นั่นคือโอกาสทองในการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว จงอดทน รอคอย และมั่นใจในการวิเคราะห์ของตัวเอง เพราะตลาดจะกลับมาให้รางวัลกับนักลงทุนที่มีวินัยและอดทนเสมอ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่สนใจ เรียนรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ของงบการเงิน และเทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย เพื่อประเมินศักยภาพของกิจการประกอบการตัดสินใจลงทุน เรียนฟรีบน SET e-Learning กับหลักสูตร “Financial Statement Analysis”
หรืออยากเพิ่มโอกาสในการลงทุนในสภาวะตลาดผันผวนโดยใช้การวิเคราะห์ด้วยกราฟเทคนิค ตั้งแต่การเข้าใจพฤติกรรมตลาดผันผวน ตลอดจนการใช้เครื่องมือทางเทคนิค แนะนำหลักสูตร “ตลาดผันผวน อ่านกราฟเป็น เห็นโอกาสทำกำไร”