ประมาณเดือนเมษายน – พฤษภาคมของทุกปี เป็นช่วงที่นักลงทุนเฝ้าคอยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ตัวเองลงทุนเอาไว้ว่าจะออกมาเติบโตตามที่คาดหวังหรือไม่ รวมถึงดูผลประกอบการโดยรวมเพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน ซึ่งงบการเงินจะประกอบด้วย 4 ส่วน ดังนี้
1. งบแสดงฐานะทางการเงินหรืองบดุล เป็นงบที่บ่งบอกความมั่งคั่ง มั่นคง และบอกฐานะของกิจการว่ารวยขึ้นหรือจนลงอย่างไร มีสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนออกมาในงบแสดงฐานะทางการเงิน ซึ่งมีนัยยะสำคัญต่อบริษัท ดังนี้
2. งบกำไรขาดทุน เป็นงบที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงาน บริษัททำธุรกิจได้เก่งหรือไม่ มีรายได้ รายจ่าย ต้นทุน และผลกำไรเป็นอย่างไร รวมถึงแนวโน้มของกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยนักลงทุนควรสังเกตข้อมูล ดังนี้
3. งบกระแสเงินสด เป็นงบที่บอกสภาพคล่องของกิจการ เพราะงบกำไรขาดทุนจะบันทึกด้วยเกณฑ์คงค้าง แต่อาจไม่ได้มีเงินสดเข้าหรือออกจริง จึงต้องมีงบกระแสเงินสด เพราะเงินสดสำคัญต่อการอยู่รอดของกิจการ และใช้พิจารณาเงินสดที่หมุนเวียนจากกิจกรรม ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
หลังจากศึกษาทั้ง 3 ส่วน นักลงทุนอาจมองว่าน่าจะครบถ้วนกับการอ่านงบการเงินและเพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุนแล้ว อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม นั่นคือ หมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งเป็นส่วนอธิบายภาพรวม ที่มาที่ไปของตัวเลข และรายละเอียดต่าง ๆ ในงบการเงินทั้งหมด ซึ่งมีส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้
งบการเงิน คือ ข้อมูลสำคัญที่ทำให้นักลงทุนรู้ว่าบริษัทหรือหุ้นที่สนใจลงทุนนั้นในอดีตที่ผ่านมามีการดำเนินธุรกิจ
เป็นอย่างไร สถานะทางการเงินแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน ผู้บริหารมีประสิทธิภาพอย่างไร มีสัญญาณอะไรบ้างที่ต้องจับตา เป็นต้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถประเมินได้ว่าบริษัทจะยังคงเติบโตมากน้อยแค่ไหนสำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่สนใจ เรียนรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ของงบการเงิน และเทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย เพื่อประเมินศักยภาพของกิจการประกอบการตัดสินใจลงทุน ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Financial Statement Analysis” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่