‘กองทุนวายุภักษ์’ ปิดจองซื้อไปแล้วด้วยยอดจองทะลักกว่า 190,000 ล้านบาท เกินวงเงินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 150,000 ล้านบาท ถึง 1.3 เท่า ภายในระยะราว 2 สัปดาห์เท่านั้น
หลายท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าปัจจัยที่ทำให้กองทุนวายุภักษ์ได้รับความสนใจมากขนาดนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องผลตอบแทนที่กองทุนระบุว่าจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% สูงสุดถึง 9% ต่อปี โดยจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ตามหนึ่งในนโยบายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ที่โดดเด่นคือ การเลือกลงทุนใน ‘หุ้นยั่งยืน’ ซึ่งวันนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ’หุ้นยั่งยืน’ ที่กองทุนแสนล้านอย่างวายุภักษ์ให้ความสำคัญ
กองทุนวายุภักษ์มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่หลากหลาย โดยลงทุนในบริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนดี มั่นคงในระยะยาว และมีความยั่งยืนในกระบวนการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงและปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล
วันนี้จะขอพานักลงทุนไปส่องนโยบายการลงทุนในตราสารทุนที่วายุภักษ์กำหนดไว้ คือ 1) ตราสารทุนที่มีรายชื่ออยู่ใน SET100 โดยอาจพิจารณาจากหลักทรัพย์ที่ได้รับคะแนน “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” สูงสุดสามอันดับแรก เช่น ที่ระดับ A ขึ้นไป 2) ตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอก SET100 ที่ผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดี โดยอาจพิจารณาจากหลักทรัพย์ที่ได้รับคะแนน “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” สูงสุดสองอันดับแรก เช่น ที่ระดับ AA ขึ้นไป เป็นต้น
จะเห็นได้ว่านอกจากการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีแนวโน้มผลประกอบการดีแล้ว เงื่อนไขสำคัญอีกประการหนึ่งที่กองทุนวายุภักษ์ให้ความสำคัญคือ การลงทุนใน ‘หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings’
SET ESG Ratings คือ Ratings จัดทำขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมาจากการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของแต่ละบริษัทจดทะเบียน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือที่เรียกสั้น ๆ กันว่า ESG
โดยกระบวนการคัดเลือก SET ESG Ratings ก็มีความเข้มข้นและสอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนในระดับสากลและบริบทของประเทศไทย โดยพิจารณาตั้งแต่ระดับนโยบาย กระบวนการดำเนินงาน การวัดผลลัพธ์ และการเปิดเผยข้อมูล โดยบริษัทที่ได้รับการประกาศ SET ESG Ratings ต้องผ่านเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้
โดยในปี 2566 มี 192 บริษัท ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ดูผลประเมินของบริษัทเพิ่มเติมได้ ที่นี่ สำหรับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ของปี 2567 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศในช่วงเดือน ธันวาคม 2567
ที่มา: ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง สิงหาคม 2567
จากข้อมูลทางสถิติตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566 ถึง สิงหาคม 2567 พบว่าผลตอบแทนจากหุ้น SET ESG Ratings ในระดับ AAA อยู่ที่ 3.06% สูงกว่าอัตราผลตอบแทนของ SET Index ที่เท่ากับ -1.70%
จากกราฟข้างต้นสะท้อนได้ว่าธุรกิจที่สามารถปรับตัวและบริหารจัดการประเด็นด้าน ESG ได้อย่างดี ภายใต้กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ หรือข้อกีดกันทางการค้าใหม่ ๆ ย่อมส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน ภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของบริษัท ซึ่งล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่าของกิจการและมีโอกาสเติบโตในระยะยาว ในมุมของนักลงทุนเองก็ต้องให้ความสำคัญกับการนำข้อมูล ESG ของบริษัทมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุนควบคู่ไปกับการพิจารณาผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัท เพราะจะช่วยบริหารความเสี่ยง มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวได้
ทั้งนี้ กองทุนวายุภักษ์เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 โดยใช้ชื่อ VAYU1 โดยราคาหน่วยลงทุนในตลาดรองจะเป็นไปตามกลไกของราคาตลาด
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
อ้างอิง
https://www.posttoday.com/business/713696
https://www.longtunman.com/53650
https://www.thansettakij.com/finance/financial-banking/606186