คำกล่าวยอดฮิตติดหูจากตำราพิชัยสงครามซุนวู ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต ไม่เว้นแม้แต่เรื่อง “การลงทุน” เช่นกัน เพราะการลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จ ได้ผลตอบแทนที่ดีเป็นกอบเป็นกำนั้น การรู้เขารู้เราสำคัญมาก
รู้เรา
คือ รู้จักตัวเอง ต้องรู้ว่าเราเป็นคนใจร้อนหรือใจเย็น รอคอยเป็นหรือรอคอยไม่ได้ ชอบแนวทางการลงทุนแบบไหน เพราะไม่มีแนวทางใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน มีแต่วิธีที่ถูกจริตและเข้ากับจังหวะชีวิตของแต่ละคน จึงต้องค้นหาแนวที่เหมาะสมกับบุคลิกและความถนัดส่วนตัวของเราให้เจอ
รู้เขา
ถ้าพูดในมุมของการลงทุนก็คือ รู้จักหุ้นที่ต้องการลงทุน รู้ว่าหุ้นนั้นเป็นหุ้นประเภทไหน โตเร็ว โตช้า มีผลกำไร หรือยังขาดทุนอยู่ มีเงินปันผลไหม ส่วนต่างราคาเท่าไหร่ ซึ่งมีเหตุผลมากมายก่ายกองที่เราจะต้องรู้ ยิ่งรู้มาก ยิ่งได้เปรียบมาก เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหุ้นกว่า 600 ตัว มันก็ต้องมีซักตัว ที่ตรงความต้องการของเรา หรือตรงกับสไตล์ที่เราชอบ
การแบ่งหุ้นออกเป็นประเภทต่างๆ เป็นการ “รู้เขา” แบบง่ายๆ ที่จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสไตล์ของหุ้นได้ดียิ่งขึ้น และสามารถเลือกลงทุนในหุ้นแบบที่โดนใจ
“ปีเตอร์ ลินช์” (Peter Lynch)
หนึ่งในกูรูระดับโลกด้านการลงทุน
ใช้หลักการลงทุนแบบเข้าใจง่าย และคลาสสิกเหนือกาลเวลา ด้วยการแบ่งหุ้นออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่
“ปีเตอร์ ลินช์” (Peter Lynch)
หนึ่งในกูรูระดับโลกด้านการลงทุน
ใช้หลักการลงทุนแบบเข้าใจง่าย และคลาสสิกเหนือกาลเวลา ด้วยการแบ่งหุ้นออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่
หุ้นโตช้า
(Slow Growers)
บริษัทขนาดใหญ่ที่บางครั้งธุรกิจก็ค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว แต่ยังจ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ
หุ้นแข็งแกร่ง
(Stalwarts)
บริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง ธุรกิจเติบโตเรื่อยๆ ไม่หวือหวามากนัก แต่ถือว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยอยู่รอดได้ แม้จะเกิดวิกฤตอะไรก็ตาม
หุ้นเติบโต
(Fast Growers)
ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่มีขนาดเล็ก อยู่ในช่วงขยายธุรกิจ มี Story ในการเติบโต จึงมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาไม่นาน
หุ้นวัฏจักร
(Cyclical)
จะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าโภคภัณฑ์ หรือสินค้าเกษตรต่างๆ ที่มีรายได้เป็นฤดูกาล กำไรขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจและราคาของสินค้านั้นๆ
หุ้นฟื้นตัว
(Turnaround)
เป็นบริษัทที่เคยแย่หรือขาดทุนมาก่อน แต่เริ่มจะมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น จึงมีโอกาสทำกำไรได้มาก แต่ความเสี่ยงก็มากเช่นกัน
หุ้นสินทรัพย์มาก
(Asset Play)
เป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน เงินสด หรืออื่นๆ ที่ยังไม่รับรู้มูลค่าเต็มที่ ซ่อนอยู่ในงบดุล
นักลงทุนต้องเข้าใจว่า... แม้จะเป็นหุ้นตัวเดียวกัน การจัดกลุ่มของนักลงทุนแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แล้วแต่ความเข้าใจและมุมมองอนาคตที่มีต่อหุ้นตัวนั้น
หุ้นตัวหนึ่ง บางคนอาจมองเป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock) เพราะรายได้โตอย่างมากมาหลายปี และน่าจะยังคงเติบโตต่อไป แต่บางคนก็อาจจะมองเป็นหุ้นแข็งแกร่ง (Stalwarts) เพราะคาดว่าจะโตไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้โตก้าวกระโดดอย่างที่เป็นมาหลายปี อยู่ที่มุมมองของนักลงทุน
การที่เราเข้าใจหุ้นที่กำลังจะลงทุนว่าจัดเป็นหุ้นในกลุ่มใด จะทำให้เรามีกลยุทธ์การลงทุนที่ถูกต้อง เหมาะกับตัวเรา และเหมาะกับตัวหุ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ผลตอบแทนระยะยาวตามที่ต้องการ
การที่เราเข้าใจหุ้นที่กำลังจะลงทุนว่าจัดเป็นหุ้นในกลุ่มใด จะทำให้เรามีกลยุทธ์การลงทุนที่ถูกต้อง เหมาะกับตัวเรา และเหมาะกับตัวหุ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ผลตอบแทนระยะยาวตามที่ต้องการ