นักลงทุนรายย่อยที่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้น มักจะมีคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่เปิดพอร์ต... จะเลือกหุ้นยังไง??? ซึ่งการตั้งคำถามแบบนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดี แสดงว่านักลงทุนมีแนวโน้มที่อยากจะเลือก อยากวิเคราะห์ อยากคัดสรรหุ้น ไม่ลงทุนตามข่าวหรือซื้อมั่วๆ ไปตามข่าวสารที่ได้รับ
มองจากภาพใหญ่ที่สุดลงมาที่ภาพเล็ก (ตัวหุ้น) หรือการวิเคราะห์การลงทุนโดยพิจารณาจากเศรษฐกิจโดยรวมก่อน วิธีนี้จัดว่าถูกต้องตามทฤษฎี นักวิเคราะห์ ผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนสถาบันใช้กันเยอะ
ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบและเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ธุรกิจ วัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม โดยเลือกหุ้นที่มีเทรนด์ธุรกิจสนับสนุน
ตัวอย่างเช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ที่ทำให้เกิดการปิดเมือง ปิดประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค หลายธุรกิจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จนต้องลดพนักงาน เลิกจ้าง หรือปิดตัวเองลง ผู้คนไม่จำเป็นก็ไม่ออกนอกบ้าน
เช่น ในยุคที่เกิดโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการทำงานจากบ้าน คนหันมาใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีการซื้อประกันสุขภาพและประกันโควิด-19 อย่างมหาศาล ธุรกิจประเภท “เทคโนโลยี” และ “ประกัน” จึงเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากเหตุการณ์นี้
ภาพเล็กลงมาอีก คือ ปัจจัยเชิงคุณภาพของหุ้นในอุตสาหกรรมที่เลือก เช่น กลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนอาจจะหยิบหุ้นใหญ่เบอร์ 1 หรือ เบอร์ 2 ของกลุ่มออกมา เพื่อนำมาวิเคราะห์ปัจจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ ความได้เปรียบในการแข่งขัน แนวโน้มความต้องการสินค้าและบริการในอนาคต เรื่องราวการเติบโต และความสามารถผู้บริหาร ถึงจุดนี้... จะได้รายชื่อหุ้นที่ติด Watch List ออกมา
ภาพสุดท้าย คือ การวิเคราะห์หุ้นรายตัว นำมาแกะรอยงบการเงิน วิเคราะห์ความน่าสนใจของหุ้นผ่านงบการเงินต่างๆ รวมทั้งลองประเมินมูลค่าหุ้น หาราคาเข้าซื้อเก็บไว้ในใจ จนเมื่อได้ตัวบริษัทที่เราพอใจ ในราคาที่เหมาะสม ก็เริ่มลงทุนซื้อหุ้นได้
คือ มองจากตัวหุ้นที่เราปิ๊งเลย เช่น ปิ๊ง หุ้น B เพราะหุ้นตัวนี้ มีชื่อชั้นดี กิจการทั้งมั่นคงและเติบโต แต่มาเจอข่าวร้ายระยะสั้น ทำให้ราคาปรับตัวลงเร็วมาก ทั้งที่ค่าพื้นฐานอย่าง ROE, Profit Margin และ Dividend Yield ยังดีเยี่ยม ทำไมนะ??? เราก็หยิบมาวิเคราะห์งบการเงินว่าที่ผ่านมาดีขึ้นหรือแย่ลง ดูคู่แข่ง ผู้บริหาร อุตสาหกรรม เทรนด์ เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ... พูดง่ายๆ คือ มองจากภาพย่อยของตัวหุ้น ขึ้นไปหาภาพใหญ่
ถ้าราคาหุ้นตกลงไปมากกว่าพื้นฐานที่เราวิเคราะห์เจาะลึก แสดงว่า... เรากำลังเห็นโอกาส เมื่อวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้วก็ลงมือซื้อหุ้นได้
การวิเคราะห์หุ้น ไม่ว่าจะเป็น Top Down หรือ Bottom Up ต่างก็เป็นเทคนิคการวิเคราะห์หุ้นสายปัจจัยพื้นฐานที่มีผู้ใช้งานอย่างแพร่หลาย ทั้งสองวิธีมองปัจจัยที่หลากหลาย เพียงแต่...วิธีหนึ่งมองจากภาพใหญ่ไปหาตัวหุ้น อีกวิธีมองจากตัวหุ้นไปหาภาพใหญ่
ถนัด เข้าใจ หรือชอบวิธีไหน เลือกใช้ได้ตามอัธยาศัย
ขอแค่นักลงทุนรู้จักวิเคราะห์ก่อนซื้อหุ้นเป็นพอ ทราบดังนี้แล้ว... นำมาวิเคราะห์หุ้นจริงในตลาดเลย จะช่วยพัฒนาทักษะการวิเคราะห์หุ้น นำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่มีประสิทธิภาพ