สร้างพอร์ตเติบโตด้วย Growth Stock

ธุรกิจที่เป็นผู้นำสร้างการเติบโตได้ระดับสูงๆ ได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี มักจะสร้างผลตอบแทนอย่างสูงให้กับบริษัทหรือผู้ถือหุ้น กิจการในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เช่นกัน มีหลายบริษัทและธุรกิจที่สร้างการเติบโตในระดับ 20-30% ต่อปีหรือมากกว่านั้น ซึ่งหุ้นของบริษัทเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า “Growth Stock”

หุ้นเติบโต (Growth Stock) หมายถึง หุ้นที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและรวดเร็วกว่าหุ้นตัวอื่นๆ โดยครอบคลุมตั้งแต่การเติบโตของสินทรัพย์ รายได้ และกำไรของบริษัท ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด เหตุผลที่หลายๆ คนอยากมีหุ้นเติบโตไว้ในครอบครอง คือ ผลตอบแทนอยู่ในระดับสูงในระยะเวลาการถือหุ้นที่ไม่นาน

เทคนิคสแกนหา Growth Stock

หัวใจสำคัญในการค้นหาหุ้น Growth Stock คือ การมองทิศทางของเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมภาพใหญ่ให้ออกว่า... ใน 5 - 10 ปีข้างหน้า ธุรกิจแบบใดจะเป็นธุรกิจในอนาคตและจะมีการเติบโตสูง วิธีประเมินคร่าวๆ ว่าหุ้นตัวไหนเป็น Growth Stock หรือไม่นั้น ดูได้จาก...

image-stock-7-1
1
คุณภาพ (Quality)
image-stock-7-1
เป็นกิจการที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งพิจารณาได้จากหลายปัจจัย เช่น การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ลูกค้ามีความจงรักภักดีต่อสินค้า เป็นสินค้าที่ไม่ตกเทรนด์ได้ง่าย มีความได้เปรียบด้านต้นทุน มีสิทธิบัตรหรือสัมปทาน รวมถึงมีทีมผู้บริหารที่มีความสามารถและธรรมาภิบาลสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
image-stock-7-2
2
การเติบโต (Growth)
image-stock-7-2
ควรเป็นกิจการที่มีแนวโน้มการเติบโตดี ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร ซึ่งพิจารณาได้จาก อัตราการเติบโตของรายได้ (Revenue Growth) อัตราการเติบโตของกำไร ซึ่งสามารถดูได้จากหลายอัตราส่วนทางการเงิน เช่น EPS Growth, Net Profit Margin, ROA, ROE โดยนักลงทุนต้องเข้าใจข้อจำกัดของแต่ละอัตราส่วนก่อนนำไปปรับใช้ด้วย เช่น หุ้นที่มีกำไรเติบโตนั้นเกิดจากกำไรพิเศษที่ได้มาแค่ชั่วคราวในปีเดียวหรือไม่
image-stock-7-3
3
มูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น (Fair Price)
image-stock-7-3
การลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพสูงและเติบโตเร็วอาจไม่ใช่การลงทุนที่ดี หากนักลงทุนซื้อในราคาที่แพงจนเกินไป ดังนั้น หากจะวิเคราะห์เพื่อคัดเลือกหุ้นเติบโตให้ได้อย่างเหมาะสม

นักลงทุนสามารถใช้วิธีหา “อัตราส่วน PEG” เพื่อประเมินมูลค่าเบื้องต้นได้ ด้วยการนำค่า P/E Ratio ของหุ้นหารกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยในระยะยาวในช่วง 3 – 5 ปีข้างหน้า หาก PEG มากกว่า 1 หมายความว่า ราคาหุ้นค่อนข้างแพง แต่หาก PEG น้อยกว่า 1 หมายความว่า ราคาหุ้นค่อนข้างถูก

image-stock-7-4

เรื่องควรรู้ก่อนลงทุนหุ้น Growth Stock 

หุ้นเติบโตส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยมักจะซื้อขายกันในที่ P/E Ratio สูงๆ เนื่องจากนักลงทุนมีความคาดหวังต่อบริษัทค่อนข้างสูง ทำให้นักลงทุนหาจังหวะเข้าลงทุนได้ยาก หากพลาดก็จะทำให้เราซื้อหุ้นแพงเกินไป ดังนั้น นักลงทุนอาจต้องอดทนรอให้ราคาหุ้นลดลงในระดับที่เหมาะสม ซึ่งอาจเกิดเหตุการณ์ที่ราคาหุ้นเติบโตเหล่านั้นลดความร้อนแรงลง เช่น วิกฤติชั่วคราวที่เกิดขึ้นกับตัวบริษัทหรือวิกฤติเศรษฐกิจ หากตรวจสอบแล้วว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ก็เป็นโอกาสให้สามารถเข้าลงทุนในหุ้นเติบโตได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป 
image-stock-7-4
image-stock-7-5

จับจังหวะซื้อหุ้น Growth Stock

ภาวะที่เหมาะสมกับการลงทุนหุ้นเติบโต คือ ช่วงที่ตลาดซื้อขายกันที่ค่า P/E Ratio ต่ำ หรือช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวชั่วคราว เนื่องจากความเสี่ยงในทิศทางขาลง (Downside Risk) ในภาพรวมจะค่อนข้างน้อย นักลงทุนมีโอกาสสูงที่จะพบหุ้นเติบโตในราคาถูกหรือไม่แพงจนเกินไป

หากเราเลือกหุ้นเติบโตได้ถูกตัว ก็อาจได้รับผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมในระยะยาวได้ และอีกหนึ่งคำถามสำคัญที่เราต้องถามตัวเองเสมอ คือ เมื่อหาหุ้นเติบโตเจอแล้ว เราจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะเติบโตต่อไปในอนาคต ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ก็คือ เราต้องศึกษาข้อมูลและติดตามข้อมูลข่าวสารของหุ้นเติบโตที่เราลงทุนอย่างต่อเนื่องว่ายังเติบโตดีอยู่หรือไม่

สำหรับใครที่สนใจอยากคัดกรอง “หุ้นเติบโต”ลองเข้าไปที่เว็บไซต์ www.setsmart.com ซึ่งตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดโอกาสให้เราได้ทดลองใช้งาน SETSMART ฟรี 15 วัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงแค่สมัครเป็นสมาชิก SET Member เท่านั้น และหากใครที่ต้องการใช้ต่อ ค่าใช้จ่ายก็ถูกมากๆ แค่ 250 บาทต่อเดือน ซึ่งเมื่อเทียบกับข้อมูลที่จะได้รับ เช่น ภาวะการซื้อขาย เทรนด์นักลงทุนต่างชาติ หรือข้อมูลหุ้น อนุพันธ์ และกองทุนรวม ครบจบในเว็บเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลย!!!