กองทุนรวมประเภทไหน รับมือวิกฤติเศรษฐกิจได้

โดย ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้
2 Min Read
1 มกราคม 2564
2.406k views
TSI_95_กองทุนรวมประเภทไหน รับมือวิกฤติเศรษฐกิจได้
Highlights
  • ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หากจะหาเครื่องมือลงทุนที่มีความปลอดภัย “กองทุนรวม” เป็นหนึ่งในคำตอบที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาปรับพอร์ตให้ตรงกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

  • กองทุนรวมที่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีและน่าสนใจลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย รวมถึงตลาดมีความผันผวน คือ กองทุนหุ้น Digital Healthcare และกองทุน REIT

คงไม่ต้องวิเคราะห์กันอีกแล้วว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย หรือเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือ การหาวิธีลดความเสี่ยงจากการลงทุนโดยปัจจัยลบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และเครื่องมือทางการลงทุนที่น่าสนใจซึ่งจะช่วยปกป้องเม็ดเงินลงทุนได้ดีอย่างหนึ่ง คือ กองทุนรวม แต่คำถามที่ตามมา คือ แล้วกองทุนรวมประเภทไหนที่ช่วยให้นักลงทุนรับมือกับปัญหาได้

 

สร้างรีเทิร์นช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้นกับกองทุนหุ้น Digital Healthcare

 

ตามสถิติแล้วหุ้นกลุ่ม Healthcare หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “กลุ่มธุรกิจการแพทย์” จะให้ผลตอบแทนได้ดีในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจของการขยายตัว (Late Cycle) เนื่องจากผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวตามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากนัก

 

อีกทั้ง ในระยะยาวหุ้นกลุ่มนี้ยังคงได้รับประโยชน์จากสังคมสูงวัย (Aging Society) ที่จะนำไปสู่การใช้จ่ายในด้านสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดียิ่งขึ้นไปในระยะยาว จะพบได้ว่าการลงทุนใน “Digital Healthcare” มีความน่าสนใจที่โดดเด่นกว่า เพราะธุรกิจการแพทย์ประเภทนี้ มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ด้านสุขภาพให้กับคนในโลกนี้ ช่วยให้การรักษาดียิ่งขึ้น

 

ดังนั้น การเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์หรือธุรกิจการแพทย์ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาดำเนินธุรกิจ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในตอนนี้

 

REIT กองทุนที่ไม่หวั่นเศรษฐกิจถดถอย

 

หากนักลงทุนยังคงมีความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาลง กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) คือหนึ่งในทางออกที่จะช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับเงินลงทุนได้ เพราะที่ผ่านมากองทุนประเภทนี้ มีความสามารถในการประคองตัวได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นโดยตรง

 

อีกทั้ง REIT ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจประมาณ 4 – 5% ต่อปี สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนเพียง 1.5 – 1.6% ต่อปี ดังนั้น REIT จึงเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดผันผวนและแวดล้อมไปด้วยความไม่แน่นอนได้

 

ดังนั้น ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับ “เศรษฐกิจถดถอย” หรือ “วิกฤตเศรษฐกิจ” นักลงทุนยังมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้เสมอ

 

สำหรับใครที่สนใจอยากรู้จักเครื่องมือที่ชื่อว่า “กองทุนรวม” มากขึ้น เข้าใจลักษณะของกองทุนรวมแต่ละประเภท สามารถเลือกกองทุนรวมเพื่อสร้างพอร์ตกองทุนรวมที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตนเองได้ ตลอดจนบริหารพอร์ตลงทุนได้อย่างถูกวิธี สามารถเรียนรู้ได้ใน e-Learning หลักสูตร “กองทุนรวม The Series” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

แท็กที่เกี่ยวข้อง: