รู้ทัน... ความเสี่ยงในการลงทุน

โดย SET
3 Min Read
1 มกราคม 2565
39.469k views
INV-know-your-investment-risks_Thumbnial
Highlights
  • ความเสี่ยงในการลงทุน คือ ความไม่แน่นอนหรือโอกาสที่เราจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้จากการลงทุนนั้น ๆ ซึ่งความเสี่ยงมีหลากหลายประเภท

  • “ความเสี่ยงและผลตอบแทน” เป็นของคู่กัน ถ้าอยากได้ผลตอบแทนสูง ๆ ก็ต้องทําใจเอาไว้ด้วยว่า... การลงทุนนั้นจะมีโอกาสขาดทุนสูงด้วยเช่นกัน

  • “การบริหารความเสี่ยง” ไม่ได้หมายถึง การ “กำจัด” ความเสี่ยงหรือความเสียหายให้หมดไป แต่หมายถึงการ “จำกัด” ความเสี่ยงหรือความเสียหายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด

“การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”

คุ้นๆ กับประโยคนี้ไหม? บางทีคำแนะนำแบบนี้ก็อาจทำให้หลายคนกลัวการลงทุนได้เหมือนกัน ทั้งที่จริงแล้วความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แถมยังช่วยให้เงินลงทุนของเรามีโอกาสงอกเงยได้มากกว่า ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า... เรากล้าพอไหมที่จะเสี่ยง

 

ยิ่งปัจจุบันทางเลือกในการลงทุนมีหลากหลายมากยิ่งขึ้น แถมแต่ละอย่างยังมีลักษณะเฉพาะตัว ผลตอบแทน และความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป เราจึงจำเป็นต้องศึกษาทางเลือกต่าง ๆ เพื่อให้เงินออมออกดอกออกผลสร้างความมั่งคั่งอย่างคุ้มค่าและสอดคล้องกับความต้องการของเรามากที่สุด

 

แต่ก่อนจะไปเรียนรู้เรื่องการลงทุน เราลองมาทำความเข้าใจเรื่อง “ความเสี่ยงในการลงทุน” กันก่อนดีกว่า

สารพัดความเสี่ยงที่ควรรู้ ก่อนลงทุน

 

ความเสี่ยงในการลงทุน คือ ความไม่แน่นอนหรือโอกาสที่เราจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้จากการลงทุนนั้น ๆ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท

 

  • ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดโดยรวมที่ส่งผลกับราคาสินทรัพย์ทั้งหมดในตลาดนั้น ๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศซบเซา อาจส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์ต่าง ๆ มีแนวโน้มลดลง
  • ความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจนั้น ๆ เช่น ประเภทธุรกิจ โครงสร้างรายได้ ค่าใช้จ่ายของกิจการ ฯลฯ อาจเกิดจากปัจจัยที่กระทบเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม หรือการดำเนินงานภายในของบริษัทเอง ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และทำให้ผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดว่าจะได้รับลดลงตามไปด้วย
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการที่เราไม่สามารถซื้อขายสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ในราคาหรือจำนวนที่ต้องการ
  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rates Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งกระทบต่อราคาสินทรัพย์บางประเภท และระดับอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการ
  • ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk)โดย “เงินเฟ้อ” เป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากระดับเงินเฟ้อสูง จะส่งผลให้เงินที่มีอยู่ในมือ นำไปซื้อสินค้าได้น้อยลง หรือที่เรียกว่า “เงินมีมูลค่าลดลง” นั่นเอง
  • ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง มักส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ภัยธรรมชาติ หรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้สินค้าบางอย่างต้องออกไปจากตลาด

 

ถ้าเสี่ยงสูง... อัตราผลตอบแทนที่ต้องการก็มักจะสูง

 

สิ่งสำคัญที่เราควรคำนึงถึงเสมอ คือ “ความเสี่ยงและผลตอบแทน” เป็นของคู่กัน เมื่อเราต้องเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ก็เป็นธรรมดาที่จะคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงนั้น ตามคำกล่าวยอดฮิตที่ว่า High Risk, High (Expected) Return หรืออีกนัยหนึ่งก็สามารถตีความได้ว่า... ถ้าเราอยากได้ผลตอบแทนสูง ๆ ก็ต้องทําใจเอาไว้ด้วยว่า... การลงทุนนั้นจะมีโอกาสขาดทุนสูงด้วยเช่นกัน

 

แต่ในความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะไม่มีอะไรที่เป็นหลักประกันได้เลยว่า... การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง จะต้องให้ผลตอบแทนที่สูงกลับคืนแก่เราเสมอไป ผลตอบแทนที่ได้รับอาจสูง ต่ำ หรืออาจไม่ได้รับอะไรเลยก็เป็นได้

 

ทางที่ดี... เราจึงควรบริหารจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พูดง่าย ๆ ก็คือ มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เราพึงพอใจ ขณะเดียวกันก็มีผลตอบแทนที่ดีพอที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้

 

 บริหารความเสี่ยง ลงทุนอย่างมีความสุข

 

“การบริหารความเสี่ยง” ไม่ได้หมายถึงการ “กำจัด” ความเสี่ยงหรือความเสียหายให้หมดไป แต่หมายถึงการ “จำกัด” ความเสี่ยงหรือความเสียหายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งจะทำให้พอร์ตของเราสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ โดยมีเทคนิคบริหารความเสี่ยงง่าย ๆ ดังนี้  

 

1. รู้ระดับความเสี่ยง... ที่ยอมรับได้

 

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง”... เสี่ยงที่จะ “ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ต้องการ” รวมถึงเสี่ยงที่จะต้อง “สูญเสียเงินต้นบางส่วนหรือทั้งหมด” ไป ดังนั้น ก่อนจะเริ่มบริหารจัดการความเสี่ยง ลองถามตัวเองว่า...

 

  • เราสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ถึงระดับไหน?
  • ถ้าไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ต้องการจะมีผลกระทบทางการเงินอย่างไร?
  • เราสามารถจัดการกับอารมณ์และพอร์ตการลงทุนของตัวเองได้ดีแค่ไหน เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลง?
  • ถ้าต้องสูญเสียเงินต้นไปบางส่วนหรือทั้งหมด เราจะเดือดร้อนหรือไม่? เพียงใด?
  • เรามีเงินสำรองไว้ใช้เพียงพอหรือไม่?
  • ถ้าลงทุนไปแล้วเราจะวิตกกังวลจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับหรือไม่?

 

การรู้ระดับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้จะช่วยให้รู้ว่า... เราเป็นนักลงทุนประเภทไหนและเหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์แบบใด เช่น ไม่ค่อยชอบความเสี่ยง ก็ต้องเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่หากชอบเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ ก็สามารถเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ๆ ได้ เป็นต้น

 

ดังนั้น การประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งก่อนที่จะเดินเข้าสู่เส้นทางการลงทุน

 

2. จงกระจายการลงทุน!

 

“การกระจายการลงทุน” ไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภท ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ เพราะการลงทุนแต่ละประเภทมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน บางเวลาการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหนึ่งอาจมีกำไร แต่การลงทุนในสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งอาจขาดทุน ทำให้โดยรวมแล้วเราอาจมีกำไรหรือขาดทุนไม่มากเท่าไหร่

 

นอกจากนี้ ในสนามการลงทุนจริง ก็ไม่มีสินทรัพย์ใดที่จะชนะตลาดหรือแพ้ตลาดตลอดไป การกระจายการลงทุนจึงช่วยลดความผันผวนหรือความเสี่ยงระหว่างทางที่ลงทุนได้

 

ฝากทิ้งท้ายเอาไว้... การลงทุนมีความเสี่ยง แต่อย่ากลัวความเสี่ยงจนเกินไป หากเราเข้าใจและสามารถนำเทคนิคการบริหารจัดการความเสี่ยงมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดโอกาสขาดทุน แถมยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และทำให้เราสามารถลงทุนอย่างมีความสุขได้ด้วย

สำหรับใครที่สนใจอยากรู้จักทางเลือกการลงทุนประเภทต่าง ๆ รวมถึงผลตอบแทน ความเสี่ยง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดทุนอย่างมั่นใจ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ครบเครื่องเรื่องลงทุน” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: