รู้ก่อนลงทุนในกองทุนรวม High Yield Bond

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
30 พฤศจิกายน 2563
6.755k views
TSI_92_รู้ก่อนลงทุนในกองทุนรวม High Yield Bond
Highlights
  • กองทุนรวมตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง

  • ก่อนตัดสินใจลงทุนจึงควรพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ด้วย เช่น ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ความเสี่ยงด้านตลาด ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย และความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร

  • นอกจากอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับแล้ว ควรศึกษาข้อมูลอื่นๆ ของกองทุนอย่างละเอียด เช่น ลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทใด ผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นอย่างไร เป็นต้น

โดยปกติแล้วกองทุนรวมตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำ ขณะเดียวกันผลตอบแทนก็อยู่ในระดับต่ำด้วยเช่นกัน แต่สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond กลับให้ผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ อาจเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผู้ที่สนใจ หันมาลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond มากขึ้น

 

ลงทุนตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond ผ่านกองทุนรวม

 

ตามกฎระเบียบในประเทศไทยนั้น ผู้ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond ได้ ต้องเป็นนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วไปก็สามารถลงทุนได้ผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ไปลงทุนตราสารหนี้ High Yield Bond ในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีกองทุนรวมประเภทนี้ที่เสนอขายในประเทศไทยจำนวน 14 กองทุน ซึ่งมีทั้งกองทุนที่เปิดขายให้กับนักลงทุนทั่วไป และกองทุนที่เปิดขายให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น

 

เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ High Yield Bond

 

กองทุนรวมตราสารหนี้ High Yield Bond จะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) กล่าวคือ ต่ำกว่า BBB หรือ เป็นตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Bonds) ดังนั้น นักลงทุนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นมากกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป โดยสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่ำกว่าระดับความน่าเชื่อถือเหล่านี้ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้จัดการกองทุน เช่น ต้องไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมนั้น (NAV) เป็นต้น

 

จะเห็นว่า... กองทุนรวมตราสารหนี้ High Yield Bond มีความเสี่ยงสูง จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ด้วย เช่น ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk) โดยดูได้จากอันดับความน่าเชื่อถือ ที่จัดโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่เป็นที่ยอมรับ และถือเป็นตัวสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้คืนของแต่ละบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ ยิ่งอันดับความน่าเชื่อถือต่ำมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ก็สูงมากเท่านั้น แปลว่า ผู้ออกตราสารหนี้มีโอกาสที่ไม่สามารถชำระเงินต้นคืนให้กับนักลงทุนได้

 

ถัดมาให้พิจารณาความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk) กับ ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) เพราะหากเศรษฐกิจหดตัวหรือเกิดวิกฤติ ตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond จะได้รับผลกระทบมากกว่าตราสารหนี้ประเภทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง นอกจากนี้ควรพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ด้วย โดยพิจารณาในมิติต่างๆ เช่น ผลประกอบการ อัตราส่วนทางการเงินของบริษัท (ผู้ออกตราสารหนี้) ความเสี่ยงจากกฎระเบียบต่างๆ ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง หรือความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น

 

แน่นอนว่าการที่กองทุนรวมตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงที่มากขึ้น ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรตัดสินใจลงทุน โดยดูเพียงอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับจากกองทุนเท่านั้น แต่ควรศึกษาข้อมูลของกองทุนในหนังสือชี้ชวนให้ละเอียดว่า กองทุนนี้ลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทใด กระจายตัวในประเทศไหนบ้าง นโยบายการคัดเลือกบริษัทของผู้จัดการกองทุนมีความละเอียดมากน้อยเพียงใด อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นอย่างไร เป็นต้น

 

สำหรับใครที่สนใจลงทุนในกองทุนรวม และอยากเข้าใจกองทุนรวมประเภทต่างๆ แบบเจาะลึก สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “กองทุนรวม The Series ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: