โดยปกติแล้วกองทุนรวมตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำ ขณะเดียวกันผลตอบแทนก็อยู่ในระดับต่ำด้วยเช่นกัน แต่สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond กลับให้ผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ อาจเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผู้ที่สนใจ หันมาลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond มากขึ้น
ลงทุนตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond ผ่านกองทุนรวม
ตามกฎระเบียบในประเทศไทยนั้น ผู้ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond ได้ ต้องเป็นนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วไปก็สามารถลงทุนได้ผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ไปลงทุนตราสารหนี้ High Yield Bond ในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีกองทุนรวมประเภทนี้ที่เสนอขายในประเทศไทยจำนวน 14 กองทุน ซึ่งมีทั้งกองทุนที่เปิดขายให้กับนักลงทุนทั่วไป และกองทุนที่เปิดขายให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น
เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ High Yield Bond
กองทุนรวมตราสารหนี้ High Yield Bond จะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) กล่าวคือ ต่ำกว่า BBB หรือ เป็นตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Bonds) ดังนั้น นักลงทุนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นมากกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป โดยสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่ำกว่าระดับความน่าเชื่อถือเหล่านี้ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้จัดการกองทุน เช่น ต้องไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมนั้น (NAV) เป็นต้น
จะเห็นว่า... กองทุนรวมตราสารหนี้ High Yield Bond มีความเสี่ยงสูง จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ด้วย เช่น ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk) โดยดูได้จากอันดับความน่าเชื่อถือ ที่จัดโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่เป็นที่ยอมรับ และถือเป็นตัวสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้คืนของแต่ละบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ ยิ่งอันดับความน่าเชื่อถือต่ำมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ก็สูงมากเท่านั้น แปลว่า ผู้ออกตราสารหนี้มีโอกาสที่ไม่สามารถชำระเงินต้นคืนให้กับนักลงทุนได้
ถัดมาให้พิจารณาความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk) กับ ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) เพราะหากเศรษฐกิจหดตัวหรือเกิดวิกฤติ ตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond จะได้รับผลกระทบมากกว่าตราสารหนี้ประเภทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง นอกจากนี้ควรพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ด้วย โดยพิจารณาในมิติต่างๆ เช่น ผลประกอบการ อัตราส่วนทางการเงินของบริษัท (ผู้ออกตราสารหนี้) ความเสี่ยงจากกฎระเบียบต่างๆ ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง หรือความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น
แน่นอนว่าการที่กองทุนรวมตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงที่มากขึ้น ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรตัดสินใจลงทุน โดยดูเพียงอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับจากกองทุนเท่านั้น แต่ควรศึกษาข้อมูลของกองทุนในหนังสือชี้ชวนให้ละเอียดว่า กองทุนนี้ลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทใด กระจายตัวในประเทศไหนบ้าง นโยบายการคัดเลือกบริษัทของผู้จัดการกองทุนมีความละเอียดมากน้อยเพียงใด อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นอย่างไร เป็นต้น
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในกองทุนรวม และอยากเข้าใจกองทุนรวมประเภทต่างๆ แบบเจาะลึก สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “กองทุนรวม The Series” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่