หลายคนคงเคยมีคำถามในใจว่า “หากมีเงินเข้ามาสักก้อนหนึ่งจะนำไปใช้อะไรก่อน ระหว่างโปะหนี้ หรือลงทุน” เพราะไม่ว่าจะเลือกทางใดก็เป็นประโยชน์ต่อตนเอง แล้วจะตัดสินใจอย่างไรดี มาดูคำแนะนำกัน
มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินหรือยัง?
ก่อนตัดสินใจจะนำเงินไปโปะหนี้หรือลงทุน ควรตรวจสอบสุขภาพทางการเงินของตนเองก่อนว่า มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินหรือไม่ เพราะความสำคัญของเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน คือ เงินที่เตรียมไว้ใช้จ่ายหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วย การรักษาพยาบาล หรือตกงานทำให้ขาดรายได้ ซึ่งโดยปกติแล้วทุกคนควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้ประมาณ 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
ดังนั้น หากยังไม่มีเงินก้อนนี้ ควรเริ่มเก็บเงินสำรองก่อนที่จะนำไปโปะหนี้หรือลงทุน ส่วนผู้ที่มีการกันเงินสำรองเอาไว้แล้ว มาดูคำแนะนำต่อไป
เลือกโปะหนี้... ถ้าปลดหนี้ได้ หรือจ่ายดอกเบี้ยลดลงมาก
ก่อนจะโปะหนี้ควรตรวจสอบก่อนว่า เงินก้อนที่มีนั้น สามารถโปะหนี้ได้ทั้งหมดหรือไม่? คำแนะนำ คือ ถ้ามีเงินเพียงพอ ก็ควรโปะหนี้ให้หมด เพื่อจะได้ปลดหนี้และไม่ต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยอีกต่อไป แต่ถ้าโปะหนี้ได้เพียงบางส่วน ก็ต้องชั่งน้ำหนักก่อนว่าคุ้มค่าหรือไม่ โดยพิจารณาจากการคิดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินว่าเป็นอย่างไร ซึ่งมีรูปแบบ ดังนี้
หนี้ประเภทนี้ คือ หนี้ที่เมื่อผ่อนชำระเงินในแต่ละงวด ทำให้เงินต้นลดลง ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บก็จะลดลงตามไปด้วย เช่น หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้บ้าน เป็นต้น โดยอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล จะอยู่ที่ร้อยละ 18 – 20 ต่อปี ดังนั้น หากมีเงินก้อน ควรนำไปโปะหนี้ประเภทนี้เป็นอันดับแรก เพราะจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องดอกเบี้ยลงได้
สำหรับหนี้บ้าน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6 – 7 ต่อปี ก่อนตัดสินใจโปะหนี้บ้าน จึงควรถามตนเองว่า สามารถหาช่องทางลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนมากกว่านี้หรือไม่ ถ้าหาผลตอบแทนได้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่จ่าย ควรนำเงินไปลงทุน แต่ถ้าหาผลตอบแทนได้ต่ำกว่า ควรโปะหนี้ก่อน เพราะนอกจากจะประหยัดดอกเบี้ยแล้ว ยังผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้รถ โดยสถาบันการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นทั้งก้อน แล้วนำดอกเบี้ยทั้งก้อนมากระจายเป็นจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละงวดพร้อมกับเงินต้น แปลว่า... ถึงแม้จะมีการผ่อนเงินต้นในแต่ละงวด ดอกเบี้ยที่จ่ายก็ยังเท่าเดิม ดังนั้น อาจไม่จำเป็นต้องโปะหนี้ เพราะไม่ว่าจะโปะหนี้เพิ่มเท่าไรหรือเร็วขึ้นแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้ภาระหนี้ลดลง
เลือกลงทุน... ถ้าได้รับผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่จ่าย
ก่อนนำเงินไปลงทุน สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องรู้จักประเภทของการลงทุนและช่องทางการลงทุน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่ โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
ดังนั้น หากพิจารณาแล้วและมั่นใจว่า ถ้านำเงินไปลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ประกอบกับมีความรู้ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการลงทุนแล้ว ก็ควรนำเงินไปลงทุน แต่ถ้ายังไม่มีช่องทางการลงทุน และอยู่ในช่วงศึกษาเรื่องการลงทุน ควรนำเงินไปโปะหนี้ก่อน
สามารถศึกษารายละเอียดทางเลือกลงทุนต่างๆ เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน ผ่าน e-Learning หลักสูตร “ครบเครื่องเรื่องลงทุน” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่