พื้นฐานการดำรงชีวิตของมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นไปในทิศทางใดก็ตาม หากขาด “ปัจจัย 4” ไปเป็นเวลานานจะไม่สามารถใช้ชีวิตต่อได้เลย ซึ่งได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่มห่ม และยารักษาโรค
ในโลกของการลงทุนมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ “ปัจจัย 4” ให้เลือกลงทุน ซึ่งหุ้นกลุ่มดังกล่าวโดยส่วนใหญ่จัดเป็นหุ้นประเภท Defensive Stock หรือเป็นหุ้นตั้งรับ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเพิ่มความมั่นคงในการลงทุน ลองมาดูหุ้นในแต่ละปัจจัยไปพร้อม ๆ กัน ว่ามีอะไรบ้าง
เป็นสิ่งที่มนุษย์จะต้องบริโภคเพื่อให้มีพลังงานไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งหากแบ่งประเภทของหุ้นที่เกี่ยวกับอาหาร ในที่นี้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
ธรรมชาติของหุ้นกลุ่มนี้ มักผันผวนตามราคาของสินค้าโภคภัณฑ์และราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต จึงทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เน้นการกระจายความเสี่ยงของฐานรายได้และกำไรที่ธุรกิจขั้นปลาย ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า และมีเสถียรภาพที่ดีกว่า
เป็นที่ ๆ นอกจากจะสามารถหลบภัยต่าง ๆ ได้แล้ว ยังเป็นที่สำหรับพักอาศัยและยิ่งในยุค COVID-19 ยังสามารถเป็นที่ทำงานสำหรับใครหลาย ๆ คนได้อีกด้วย หุ้นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย ได้แก่ AP, BLAND, LH, LPN, SIRI เป็นต้น
สำหรับหุ้นกลุ่มนี้ สิ่งที่ควรดูก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน คือ
1.) ยอดขาย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
2.) สภาพคล่อง เพื่อดูว่าธุรกิจดำเนินด้วยเงินกู้เยอะแค่ไหนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่
3.) ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการกู้หนี้มา ก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วย
สภาวะอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด การที่เรามีเครื่องนุ่มห่มอย่างเสื้อผ้า กางเกง กระโปรง นอกจากทำให้เราสามารถอยู่รอดจากสภาวะอากาศแล้ว ยังเป็นเครื่องประดับช่วยให้เรามีบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วย หุ้นที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ MC, TNL เป็นต้น
สำหรับหุ้นกลุ่มนี้ สิ่งที่ใช้ในการคัดเลือกหุ้นเบื้องต้น คือ อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ เพื่อดูว่าบริษัทมีการจัดการต้นทุนสินค้าเป็นอย่างไร
หากเราเป็นไข้ ไม่สบาย หรือมีโรคต่าง ๆ การที่มนุษย์มียาหรือได้รับการรักษาเป็นสิ่งที่จะช่วยบรรเทาหรือรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยให้หายขาดได้ หุ้นในกลุ่มนี้ มีโรงพยาบาล ได้แก่ BDMS, EKH, BH หรืออาหารเสริมอย่าง MEGA หรือหุ้นเครื่องมือทางการแพทย์อย่าง WINMED, TM, SMD และ STGT เป็นต้น
ในการคัดเลือกหุ้นกลุ่มนี้เข้าพอร์ตการลงทุน ถึงแม้กลุ่มนี้จะได้รับอานิสงค์จากเรื่องของสัดส่วนประชากรที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุมากขึ้น แต่หากโรงพยาบาลจะขยายสาขา จะต้องมีการจัดโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสม โดยสามารถดูได้จากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ยิ่งค่าดังกล่าวสูง ก็ยิ่งเสี่ยงมาก
ในการคัดหุ้นทั้ง 4 กลุ่มดังกล่าว สามารถใช้อัตราส่วนทางการเงินประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อัตราหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ (Inventory turnover), อัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin), อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return On Assets), อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return On Equity), อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio), อัตราส่วนความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย (Interest coverage ratio) มาช่วยในการคัดเลือกในการคัดเลือกในเบื้องต้นได้ โดยอัตราส่วนดังกล่าวข้างต้น สามารถดูได้บน SETSMART ซึ่งสามารถสมัครใช้บริการ SETSMART ได้ในราคา 250 บาทต่อเดือน คลิกที่นี่
อย่างไรก็ดี บทความนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างการวิเคราะห์หุ้นเพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น ผู้ลงทุนควรหมั่นติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ จะได้ปรับมุมมองได้ทันตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยสามารถอ่านบทวิเคราะห์หุ้นราย อัปเดตข้อมูลการลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รวบรวมไว้ได้ คลิกที่นี่
Disclaimer : ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่ปรากฏนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลในอีกรูปแบบหนึ่งเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นโดยการอิงกับไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Based) หรือกระแส (Trend) ซึ่งรวบรวมมาจากข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”) อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่รับรองความถูกต้องครบถ้วน หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลดังกล่าวรวมทั้งไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน และตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี