โครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาอีกครั้ง และได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในการเข้าไปใช้สิทธิ ขณะเดียวกันก็ได้รับการจับตามองว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร จากโครงการนี้ที่เคยสร้างความชื่นชอบในช่วงปี 2563 - 2565 และล่าสุดก็เข้าสู่เฟสที่ 6 ซึ่งจะมีการแบ่งสิทธิ์ให้กับประชาชนคนไทย 3 กลุ่ม รวม 33 ล้านคน โดยได้รับสิทธิ์อย่างน้อย 2,000 บาทต่อคน เพื่อใช้จ่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2568
คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นท่ามกลางโครงการช่วยเหลือประชาชนในระยะหลัง คือ โครงการคนละครึ่งรอบนี้ จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และผลลัพธ์จะแตกต่างจากการแจกเงินหมื่นหรือเงินแจกรอบล่าสุดที่ผ่านมาอย่างไร
การแจกเงินหมื่นครั้งก่อนหน้าดูเหมือนเงินส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เพื่อชำระหนี้ท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงของไทย ทำให้ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังต่างมองว่าตัวคูณทางเศรษฐกิจ (Multiplier Effect) ของการแจกเงินนั้นต่ำกว่า 1 เท่า อยู่ที่ประมาณ 0.4 เท่า ถึง 0.9 เท่า
โครงการคนละครึ่งไม่ใช่การแจกเงินแบบปกติและน่าจะส่งผลให้เกิดเงินหมุนในระบบเกินกว่า 1 เท่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้โครงการนี้แตกต่าง มี 3 ประเด็นหลักดังนี้
ชื่อโครงการคนละครึ่ง บ่งบอกชัดเจนถึงเงื่อนไขที่รัฐสร้างขึ้น นั่นคือ การที่รัฐออกเงินให้เริ่มต้น 2,000 บาท ประชาชนต้องออกอีก 2,000 บาท เพื่อใช้จ่าย การกำหนดเงื่อนไขนี้เป็นการบังคับให้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายจริง ซึ่งต่างจากการแจกเงินที่สามารถนำไปใช้ชำระหนี้ได้ทันที นอกจากนี้ ยังมีกฎเกณฑ์ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการอย่างชัดเจน
แม้ว่าโครงการนี้จะเว้นช่วงไปนาน แต่โครงการนี้เคยดำเนินการมาแล้วถึง 5 รอบ ผู้ที่เคยได้รับสิทธิ์ส่วนใหญ่ยังคงจดจำและคุ้นเคยกับการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ได้เป็นอย่างดี ความคุ้นชินนี้ทำให้การเริ่มต้นใช้จ่ายในเฟสที่ 6 เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น
เงินที่รัฐสนับสนุน 2,000 บาท และเงินสมทบจากประชาชนอีก 2,000 บาท รวมเป็น 4,000 บาท (หรือสูงสุดถึง 4,800 บาท) ต้องถูกใช้จ่ายภายใน 2 เดือน (พฤศจิกายน – ธันวาคม 2568) ประเด็นสำคัญคือ เงินจำนวนนี้มีแนวโน้มสูงที่จะถูกใช้ไปกับของกิน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนมีอยู่แล้ว
มีคำถามตามมาว่า “เงินหมุนรอบใหม่ พายุหมุนทางเศรษฐกิจจะเกิดจริงหรือ” ซึ่งสามารถมองเห็นภาพการหมุนของเงินในระบบจากโครงการนี้แบ่งเป็น 2 รอบ
ดังนั้น พายุหมุนทางเศรษฐกิจจากโครงการคนละครึ่งจึงเป็นไปได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในมาตรการอื่น ๆ เนื่องจากมันถูกผูกไว้กับการใช้จ่ายจริงและมีกลไกที่จำกัดโอกาสในการนำเงินไปใช้เพื่อชำระหนี้ในทันที
หมายเหตุ: การแสดงความเห็นให้คำแนะนำดังกล่าว ข้าพเจ้าขอเรียนว่าเป็นการกระทำในนามส่วนตัวของข้าพเจ้าเท่านั้น บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น
เรียนรู้พื้นฐานการวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจแบบง่าย ๆ เพื่อจับทิศทางการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ และค้นหาหุ้นเด็ดในแต่ละช่วงเวลา สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Macro Analysis” ได้ฟรี
