ในโลกการลงทุนที่มีความผันผวนสูงและยากจะคาดเดา นักลงทุนจำนวนมากอาจยังยึดติดกับแนวทางการจัดพอร์ตแบบเดิม ๆ เช่น หุ้น 60% และพันธบัตร 40% หรือบางกลุ่มอาจเน้นไปที่หุ้นต่างประเทศในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเต็มพอร์ต 100% ส่วนนักลงทุนรุ่นเก๋าก็อาจลงทุนในหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว แต่หากกำลังมองหาวิธีสร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคงและพร้อมรับมือกับทุกความไม่แน่นอน การให้ความสำคัญและประโยชน์ของการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ด้วยสินทรัพย์หลัก 3 ประเภท ได้แก่ หุ้น ตราสารหนี้ และทองคำ แนวคิดนี้จะช่วยให้กระจายความเสี่ยงและสร้างพอร์ตลงทุนที่สามารถทำกำไรได้ในทุกช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ
การพึ่งพาสินทรัพย์เพียงชนิดเดียวหรือมีสินทรัพย์ในพอร์ตน้อยเกินไป ถือเป็นความเสี่ยงที่สูงเกินความจำเป็น Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates ได้ชี้ให้เห็นว่าการมีจำนวนสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตลงทุนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ หรือที่เรียกว่า การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
เมื่อความเสี่ยงลดลง อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk-Reward Ratio) ก็จะคุ้มค่ามากขึ้น และความน่าจะเป็นในการขาดทุนก็จะน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้น การเพิ่มกลุ่มสินทรัพย์หลักที่ครอบคลุมจึงเป็นรากฐานสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน
กราฟด้านบน แสดงหลักการสำคัญของการจัดพอร์ตลงทุนหรือ The Holy Grail ของการลงทุนที่เน้นเรื่องการกระจายความเสี่ยงตามหลักการ Ray Dalio โดยมีรายละเอียดดังนี้
จากการจัดพอร์ตแบบ The Holy Grail พบว่า
การมีสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลายจะสามารถทนต่อทุกสภาวการณ์ของตลาด
การถือหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่และทองคำ จะได้ประโยชน์ที่สุด เนื่องจากเศรษฐกิจจริงเติบโตพร้อมกับราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวขึ้น
การถือทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ และพันธบัตรที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวหรือ พันธบัตรที่อ้างอิงกับเงินเฟ้อได้ประโยชน์ที่สุด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงว่าเศรษฐกิจจะชะลอแบบ Soft Landing หรือ Hard Landing แต่เงินเฟ้อยังยืนระยะในระดับสูง
การถือหุ้นประเทศพัฒนาแล้วและพันธบัตรระยะกลางได้ประโยชน์ที่สุด เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ไม่ได้กระจุกจากปัจจัยราคาเป็นหลัก ประเทศที่เน้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) อาจไม่ได้ประโยชน์มากเท่าไหร่นัก ณ ช่วงนี้
การถือทองคำและพันธบัตรระยะยาวได้ประโยชน์ที่สุด ในยามวิกฤติเช่นนี้ และธนาคารกลางมีนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
จากวัฏจักรตลาดดังกล่าว คือ สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในแต่ละช่วงเวลาจะแตกต่างกันไป หรือที่เรียกว่า Winner Always Rotate โดยที่
สิ่งที่ชัดเจนคงหนีไม่พ้นไม่มีใครสามารถรู้อนาคตได้อย่างแม่นยำว่าสินทรัพย์ใดจะขึ้นมาเป็นผู้ชนะในรอบถัดไป ดังนั้น
กลยุทธ์ที่ชาญฉลาดที่สุดในฐานะนักลงทุน คือ การมีทุกอย่างในสัดส่วนที่เหมาะสม ที่สำคัญแทนที่จะพยายามเก็งกำไรและคาดเดาว่าใครจะเป็นผู้ชนะในอนาคต แนวคิดของ Asset Allocation จึงเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ
การสร้างพอร์ตที่มี 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ หุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ คือการสร้างเกราะป้องกันให้พอร์ตลงทุนสามารถเอาชนะทุกวิกฤติและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
หากต้องการ เรียนรู้แนวคิดในการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนให้เงินออมได้ด้วยตัวเองสามารถเรียนรู้เพิ่มเติม ผ่าน e-Learning ปั้นพอร์ตหุ้น ตอน “จัดทัพลงทุนมุ่งวัตถุประสงค์” ได้ฟรี!!!