Leveraged & Inverse ETFs ตัวช่วยเพิ่มพลังการลงทุน

โดย ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)
5 Min Read
1 ตุลาคม 2568
432 views
new l i 1
In Focus

ETF ประเภทใหม่ Leveraged ETF & Inverse ETF (L&I ETF) เป็นเครื่องมือให้กับผู้ลงทุนในการสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนหรือบริหารจัดการความเสี่ยงของพอร์ตได้อย่างสะดวกและเข้าถึงได้ง่าย

ผู้ลงทุนหลายท่านอาจเคยได้ยินหรือเคยลงทุนใน Exchange Traded Fund หรือ ETF ซึ่งเป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เช่นเดียวกับหุ้น โดย ETF ที่มีซื้อขายในปัจจุบันนั้นเป็นแบบ passive fund โดยมีทั้งที่อ้างอิงกับดัชนีหุ้นไทย เช่น  SET50 , SET High Dividend เป็นต้น ทองคำ หรือ ดัชนีหุ้นต่างประเทศ แต่กองทุนเหล่านี้ล้วนแต่มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง อย่างไรก็ตามในตลาดต่างประเทศ กองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายนั้นจะมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ETF ประเภทที่เรากล่าวถึงข้างต้น ยังมี Leveraged ETF และ Inverse ETF และ Single Stock ETF ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ 

 

สำหรับตลาดทุนไทยนั้น ในเร็วๆนี้ จะมีการซื้อขาย ETF ประเภทใหม่คือ  Leveraged ETF & Inverse ETF (L&I ETF) เพื่อเป็นเครื่องมือให้กับผู้ลงทุนในการสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนหรือบริหารจัดการความเสี่ยงของพอร์ตได้อย่างสะดวกและเข้าถึงง่าย

 

Leveraged ETF เป็น ETF ที่มีนโยบายการจัดการโดยมุ่งหวังผลตอบแทนทวีคูณรายวันของดัชนีอ้างอิง Leveraged ETF เปรียบเสมือนคันเร่งที่สร้างผลตอบแทนเป็น “เท่าทวีคูณ” ของดัชนีอ้างอิง เช่น แบบ 2 เท่า (2X) ซึ่งหมายความว่า ผลตอบแทนจะเป็น 2 เท่าตัวของดัชนีอ้างอิง 

 

ส่วน Inverse ETF (สัญลักษณ์ I) นั้น เป็น ETF ที่มีนโยบายการจัดการที่มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามกับผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง จะเคลื่อนไหวในทิศทาง “ตรงกันข้าม” กับดัชนีอ้างอิง  เพื่อให้เห็นภาพ อธิบายจากตัวเลข หากดัชนีปรับขึ้น +1% ในวันนั้น Inverse ETF แบบ 1I จะให้ผลตอบแทนประมาณ -1% และ Inverse ETF แบบ 2I จะให้ผลตอบแทนประมาณ -2%  ในขณะที่ Leveraged ETF แบบ 2X จะให้ผลตอบแทนประมาณ 2% 

 

ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวข้างต้น ผู้ลงทุนจึงสามารถใช้ Leveraged ETF เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุน โดยใช้เป็นเครื่องมือเสริมเมื่อมั่นใจในทิศทางและต้องการเพิ่มกำไรจากทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนี และสามารถใช้ Inverse ETF เพื่อจัดการความเสี่ยงของพอร์ตหุ้น หากมองว่าตลาดอาจปรับตัวลง เพราะ Inverse ETF จะช่วยชดเชยการลดลงของมูลค่าหุ้นในพอร์ต ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกระดับการบริหารจัดการได้ตามอัตราทดของกองทุน ผู้ลงทุนจึงมีความยืดหยุ่นและใช้กลยุทธ์ได้หลากหลายมากขึ้นในการบริหารพอร์ต

 

สิ่งที่ผู้ลงทุนควรต้องรับทราบเกี่ยวกับ  Leveraged ETF & Inverse ETF ก็คือ ETF ประเภทนี้เหมาะกับการใช้งานระยะสั้นเป็นหลัก ไม่ว่าจะเพื่อเก็งกำไรในจังหวะที่ผู้ลงทุนมีมุมมองชัดเจนต่อทิศทางตลาด หรือเพื่อบริหารความเสี่ยงของพอร์ตในช่วงเวลาที่กังวลว่าจะเกิดการปรับตัวลงจากปัจจัยเฉพาะหน้า และเหมาะกับผู้ลงทุนที่สามารถติดตามและทบทวนสถานะการลงทุนของตนเองเป็นประจำทุกวัน มากกว่าถือครองเพื่อลงทุนระยะยาวเหมือน ETF ปกติ เนื่องจาก L&I ETF มีกลไกสำคัญที่เรียกว่า “การปรับฐานรายวัน” ซึ่งหมายความว่า เป้าหมายการสร้างผลตอบแทนไม่ว่าจะเป็น 2X หรือ 1I นั้น เป็นเป้าหมายของ "วันต่อวัน" เท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งวัน ผลกระทบจาก “การทบต้น” ของผลตอบแทนรายวันอาจทำให้ผลตอบแทนรวมของผู้ลงทุนไม่เป็นไปตามจำนวนเท่าของดัชนีโดยตรง โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง    


ตารางแสดงข้อมูลตัวอย่างการเคลื่อนไหวราคาของ Leveraged ETF (2X) เทียบกับดัชนีอ้างอิง

วันดัชนีLeveraged ETF (2X)
วันที่ 1

100 จุด 

100 บาท

วันที่ 2

110 จุด 

(ดัชนี +10 จุด หรือ +10% จากวันก่อนหน้า)

120 บาท
(ราคา +20 บาท หรือ +20% จากวันก่อนหน้า)

วันที่ 3

100 จุด

(ดัชนี -10 จุด หรือ -9.09% จากวันก่อนหน้า)

98.18 บาท

(ราคา -21.82 บาท หรือ -18.18% จากวันก่อนหน้า)

จากข้อมูลในตาราง สามารถอธิบายผลจากการทบต้นของผลตอบแทนรายวันได้ดังนี้ 

 

วันที่ 1 ดัชนีอยู่ที่ 100 จุด และ ETF 2X มีราคา 100 บาท 

 

วันที่ 2 ดัชนีปรับขึ้นเป็น 110 จุด (+10%) ETF 2X จึง +20% ราคาจึงปรับตัวขึ้นเป็น 120 บาท 

 

วันที่ 3 ดัชนีปรับลด -9.09% กลับมาอยู่ที่ 100 จุดตามเดิม ขณะที่  ETF 2X ซึ่งสร้างผลตอบแทน 2 เท่า จะปรับลด -18.18% ทำให้ราคาอยู่ที่ 98.18 บาท ซึ่งจะต่างกับดัชนีอ้างอิงไปบ้าง  แต่หากระยะเวลาการถือครองเพิ่มขึ้น ความแตกต่างก็จะมีมากขึ้น

 

อย่างที่กล่าวข้างต้น ผู้ลงทุนสามารถใช้ L&I ETF ได้ตามสถานการณ์ เช่น
หากผู้ลงทุนมั่นใจว่าตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ชัดเจน การเลือกใช้ Leveraged ETF แบบ 2 เท่า จะช่วยสร้างผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในดัชนีโดยตรง และหากมั่นใจว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลงที่ชัดเจน การเลือกใช้ Inverse ETF แบบ -2 เท่า ก็เป็นเครื่องมือสร้างกำไรแบบติดคันเร่งในยามที่ตลาดปรับตัวลง ขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่ต้องการจัดการความเสี่ยงของพอร์ตหุ้นและต้องการป้องกันความเสี่ยงจากตลาดที่มองว่ามีแนวโน้มปรับตัวลง การเลือกใช้ Inverse ETF แบบ -1 เท่า ก็เป็นตัวเลือกที่ตรงไปตรงมาในการชดเชยมูลค่าพอร์ตที่ลดลง 

เห็นได้ว่า L&I ETF เป็นเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนบริหารจัดการพอร์ตได้ยืดหยุ่นขึ้น รวมถึงเร่งผลตอบแทน สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าเครื่องมือนี้เหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้นและต้องอาศัยการติดตามใกล้ชิดอยู่เสมอ หากผู้ลงทุนเข้าใจกลไกและเลือกใช้ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จาก L&I ETF ได้อย่างเต็มที่ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.set.or.th/th/market/product/etf/introduction   หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ

new l i 2
แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน