SMIC หัวใจชิปของจีน โอกาสลงทุนผ่าน DR SMIC23

โดย ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist บล.อินโนเวสท์ เอกซ์
3 Min Read
3 กันยายน 2568
304 views
TSI-Article-706-Inv-smic-chinas-chip-investment-opportunity-Thumbnail
Highlights
  • หัวใจของการผลิตชิปของจีนอยู่ที่บริษัท SMIC (Semiconductor Manufacturing International Corporation) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในประเทศ แม้ว่า SMIC จะยังไม่สามารถแข่งขันในตลาดชิปขั้นสูงได้ แต่ก็มีความได้เปรียบในตลาด Mature node ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งมีความต้องการสูงมาก และจีนกำลังพยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ โดยรัฐบาลได้สนับสนุนอุตสาหกรรมชิปอย่างจริงจังผ่าน กองทุนชิปใหญ่ และมาตรการอื่น และ SMIC จึงเป็นหัวใจสำคัญในยุทธศาสตร์นี้

  • สำหรับนักลงทุนไทย การเข้าถึงหุ้น SMIC สามารถทำได้ง่ายผ่าน DR SMIC23 ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การลงทุนนี้จึงเป็นโอกาสในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของจีน

โลกยุคปัจจุบันแทบจะขับเคลื่อนไม่ได้หากปราศจาก “เซมิคอนดักเตอร์” หรือที่คุ้นกันในชื่อชิปอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่สมาร์ตโฟนคอมพิวเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงศูนย์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ล้วนต้องอาศัยชิปเป็นสมองกลสำคัญที่สั่งการและประมวลผล อุตสาหกรรมชิปจึงเป็นรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลและยังเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ซับซ้อนที่สุดในโลก

TSI-Article-706-Inv-semiconductor-supply-chain-breakdown

ถอดรหัสห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ

ห่วงโซ่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงใหญ่ เพื่อให้เห็นภาพรวมของภูมิทัศน์การแข่งขันและบทบาทของแต่ละผู้เล่นได้อย่างชัดเจน

ต้นน้ำ (Upstream)

ห่วงโซ่อุปทานเริ่มต้นที่ช่วงต้นน้ำ ซึ่งครอบคลุมผู้ผลิตเครื่องจักรและซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการออกแบบและผลิตชิป บริษัท ASML จากเนเธอร์แลนด์ถือเป็นผู้ผูกขาดเครื่อง EUV lithography ที่ใช้ผลิตชิประดับสูง ส่วน Applied Materials, Lam Research และ KLA จากสหรัฐ รวมถึง Tokyo Electron ของญี่ปุ่น เป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์ deposition, etching และการตรวจวัด ขณะเดียวกันบริษัทซอฟต์แวร์ EDA อย่าง Synopsys และ Cadence ก็เป็นหัวใจของการออกแบบชิปที่แทบไม่มีใครแทนที่ได้

กลางน้ำ (Midstream)

ช่วงถัดมาเป็นกลางน้ำเป็นช่วงการผลิตจริง แบ่งออกเป็นกลุ่มแรก คือ บริษัท Fabless ที่เน้นการออกแบบแต่ไม่ลงทุนสร้างโรงงาน เช่น NVIDIA, AMD, Qualcomm หรือ MediaTek ซึ่งคิดค้นสถาปัตยกรรมใหม่และผลักดันประสิทธิภาพชิปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อีกกลุ่ม คือ Foundry ผู้รับจ้างผลิตโดยตรง ซึ่งมี TSMC ของไต้หวันเป็นผู้นำตลาดระดับโลก ตามมาด้วย Samsung ของเกาหลีใต้ และ SMIC, Huahong ของจีน นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการประกอบและทดสอบหรือ OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) เช่น ASE จากไต้หวัน, Amkor จากสหรัฐ และ JCET ของจีนที่เติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญ

ปลายน้ำ (Downstream)

ส่วนสุดท้าย คือ ปลายน้ำ ที่ครอบคลุมบริษัทผู้ผลิตหน่วยความจำอย่าง Samsung, SK hynix และ Micron ตลอดจนผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ที่นำชิปเหล่านี้ไปใช้งานจริง อาทิ Apple, Tesla และผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ทั่วโลก ความต้องการของผู้เล่นเหล่านี้คือแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและการแข่งขันในทุกห่วงโซ่

SMIC และความพยายามของจีนในการพึ่งพาตัวเอง

เมื่อมองในโครงสร้างที่ซับซ้อนเช่นนี้ จีนซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคชิปอันดับต้น ๆ ของโลกก็พยายามสร้างระบบนิเวศภายในประเทศขึ้นมาให้ครบวงจร ทั้งเพื่อรองรับดีมานด์ภายในประเทศและลดการพึ่งพาต่างชาติ บริษัทจีนในช่วงต้นน้ำมีผู้เล่นอย่าง Naura Technology และ AMEC ที่ผลิตอุปกรณ์สำคัญสำหรับโรงงานผลิตชิป ขณะที่ฝั่งออกแบบก็มี HiSilicon ของ Huawei, UNISOC ที่ทำชิปมือถือ และ Cambricon ที่เน้นชิปปัญญาประดิษฐ์ อย่างไรก็ตาม ตัวจักรที่สำคัญที่สุดในการทำให้ระบบนี้เดินหน้าได้ คือ SMIC (Semiconductor Manufacturing International Corporation) บริษัท Foundry ที่ใหญ่ที่สุดของจีน

 

ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หน้าที่ของบริษัท Fabless และ Foundry ถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน Fabless เช่น NVIDIA หรือ Qualcomm เน้นการออกแบบและพัฒนาสถาปัตยกรรมชิปที่ล้ำสมัย แต่ไม่ได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตซึ่งมีต้นทุนสูงระดับหลายพันล้านดอลลาร์ต่อสายการผลิต ในขณะที่ Foundry อย่าง SMIC ทำหน้าที่เป็น “โรงงานกลาง” ที่รับจ้างผลิตตามแบบที่ลูกค้าส่งมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองกลุ่มนี้เป็นการเกื้อกูลกัน โดย Fabless ได้ประโยชน์จากการไม่ต้องรับภาระต้นทุนโรงงาน ส่วน Foundry ก็ได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากบริษัทออกแบบที่ไม่มีโรงงานเอง

ทำไม Mature Node ถึงสำคัญ

แม้ชิปขั้นสูงในระดับ 5 – 7 นาโนเมตรจะได้รับความสนใจมากที่สุดเพราะใช้ในสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธงหรือศูนย์ข้อมูล AI แต่ตลาดชิปส่วนใหญ่ของโลกยังอยู่ในกลุ่ม Mature node ระดับ 28 นาโนเมตรขึ้นไป ชิปกลุ่มนี้ใช้ในสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่ไมโครคอนโทรลเลอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงชิปควบคุมการแสดงผลหน้าจอในสมาร์ตทีวี ความต้องการมีปริมาณมหาศาลและเติบโตต่อเนื่อง ตลาดตรงนี้จึงเป็น “เสาหลัก” ของ SMIC และเป็นพื้นที่ที่บริษัทจีนสามารถสร้างความได้เปรียบระยะยาว แม้ยังไม่สามารถแข่งด้าน Cutting-edge ได้เต็มที่ก็ตาม

 

กล่าวคือแม้ SMIC จะมีเทคโนโลยีการผลิตตั้งแต่ 0.35um ถึง 14nm แต่รายได้หลักยังคงพึ่งพา Mature node (โดยเฉพาะ 28nm และสูงกว่า) ซึ่งเป็นตลาดที่มีดีมานด์มหาศาลในจีนและเหมาะกับการใช้งานในยานยนต์, IoT และ Consumer Electronics อย่างไรก็ดี SMIC พยายามที่จะขยายไปยัง Advances node ที่ใช้ใน Smartphone Flagship, AI Chips, Data Center GPU/CPU, High-performance computing ให้มากขึ้นในอนาคตอันใกล้

 

จุดแข็งอีกด้าน คือ ตลาดในประเทศจีน ที่ใหญ่มหาศาล บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม และระบบโครงสร้างพื้นฐานล้วนเป็นลูกค้าสำคัญของ SMIC และเมื่อรวมกับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้ SMIC มีความมั่นคงและศักยภาพในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง การที่จีนเป็นผู้บริโภคชิปกว่า 30% ของโลกแต่ผลิตเองได้ไม่ถึงครึ่งสะท้อนโอกาสมหาศาลที่รอการพัฒนา และ SMIC คือ หัวใจของการปิดช่องว่างดังกล่าว

การสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและนโยบายเชิงยุทธศาสตร์

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมชิปมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ผ่านการจัดตั้ง “กองทุนชิปใหญ่” (Big Fund) ที่อัดฉีดเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่บริษัทในห่วงโซ่เซมิคอนดักเตอร์ทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ นอกจากนั้นยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี การสนับสนุนที่ดินและพลังงานสำหรับการสร้างโรงงานใหม่ ตลอดจนการผลักดันจากท้องถิ่น ล่าสุดหลายเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นประกาศเป้าหมายใหม่เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ โดยตั้งเป้าให้การใช้ชิป AI ที่ผลิตภายในประเทศสูงถึง 70% ในอนาคตอันใกล้

 

นโยบายนี้มีนัยสำคัญต่อ SMIC อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นบริษัทที่พร้อมรองรับคำสั่งซื้อชิปจากผู้พัฒนา AI ของจีน ไม่ว่าจะเป็น Huawei, Baidu หรือ Alibaba Cloud การสนับสนุนอย่างเป็นระบบจากรัฐและท้องถิ่นช่วยรับประกันว่า SMIC จะมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังช่วยเร่งพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยีของบริษัท ผ่านการลงทุนด้านวิจัยและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในประเทศ



เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณแค่ไหน?

ความท้าทายและโอกาสในการลงทุน

อุตสาหกรรมชิปมีการแข่งขันสูงและขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นหลัก SMIC ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูงอย่าง EUV Lithography ที่ถูกจำกัดการส่งออกโดยสหรัฐฯ และพันธมิตร นี่คือความท้าทายระยะยาวที่จีนต้องเร่งแก้ไข แต่ในเชิงธุรกิจระยะกลาง ตลาดของชิปในระดับ Mature node ที่ SMIC เชี่ยวชาญยังมีความต้องการสูงมากและเป็นเสาหลักในการสร้างรายได้

 

สำหรับนักลงทุนไทย การเข้าถึงหุ้น SMIC ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงอาจต้องมีหลายขั้นตอนในการดำเนินการ แต่ปัจจุบันมีทางเลือกที่สะดวกกว่าผ่าน DR หรือ Depositary Receipt ภายใต้ชื่อ DR SMIC23 ที่ออกโดย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เหมือนซื้อหุ้นไทยทั่วไปโดยไม่ต้องเปิดบัญชีต่างประเทศ และโอนเงินไปยังต่างประเทศ

 

การลงทุนผ่าน DR SMIC23 จึงเป็นโอกาสในการมีส่วนร่วมกับหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นยุทธศาสตร์ของโลก และได้สัมผัสการเติบโตของบริษัทที่เป็นหัวใจของจีนในเส้นทางสู่การพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี แม้เส้นทางนี้ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่แรงผลักดันจากรัฐบาลและความต้องการภายในประเทศคือฐานที่มั่นคงสำหรับ SMIC และอาจกลายเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่มองไกล

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้พื้นฐานการลงทุนใน DR กลไกการเคลื่อนไหวของราคา ตลอดจนวิธีการซื้อขาย และกลยุทธ์การลงทุนใน DR สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุน DR ฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน