เรื่องควรรู้ ก่อนยื่นภาษีประจำปี

โดย กัลยวีร์ โรจน์สุขพัฒนา CFP® นักวางแผนการเงิน สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
3 Min Read
8 มีนาคม 2565
4.085k views
PF_เรื่องควรรู้ ก่อนยื่นภาษีประจำปี_Thumbnail
Highlights

การวางแผนภาษีที่ดีควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจในรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รู้จักใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มค่า โดยหลักในการวางแผนภาษี คือ รู้ประเภทของรายได้ รู้ค่าใช้จ่ายที่หักภาษีได้ รู้ค่าลดหย่อนเพื่อลดภาษี รวมถึงรู้วิธีการคำนวณภาษี และรู้ช่องทางการยื่นภาษี ที่สำคัญวางแผนภาษีตั้งเนิ่น ๆ จะได้ไม่ปวดหัวช่วงใกล้วันหมดเขตของการยื่นภาษี

ช่วงต้นปี ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นแบบภาษี โดยปัจจุบันสามารถยื่นแบบภาษีได้สะดวก รวดเร็ว ผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร สำหรับการยื่นภาษีประจำปี 2564 สามารถยื่นได้จนถึงวันที่ 8 เมษายน 2565 กระนั้นก็ดี แม้จะมีเวลาค่อนข้างมากแต่หลายคนมักจะเตรียมข้อมูลใกล้ถึงวันหมดเขตยื่นภาษี ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยคงต้องจัดการเรื่องภาษีตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะหากยื่นไม่ทันจะต้องเสียค่าปรับโดยใช่เหตุ

 

ใครมีหน้าที่ต้องยื่นภาษี

สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิด คือ หากคำนวณแล้วไม่ต้องเสียภาษี ก็ไม่ต้องยื่นแบบภาษี แต่ความจริงแล้วเมื่อมีเงินได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าเมื่อคำนวณภาษีแล้วจะต้องเสียภาษีเพิ่มหรือไม่ก็ตามก็มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ โดย เกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ได้แก่

PF_เรื่องควรรู้ ก่อนยื่นภาษีประจำปี_01

เตรียมเอกสารอะไรบ้าง

เมื่อประเมินจากรายได้คร่าว ๆ ว่าต้องยื่นแบบภาษีแล้ว สิ่งที่จะต้องทำ คือ การรวบรวมเอกสารเพื่อใช้อ้างอิงข้อมูลในการยื่นภาษี

 

  • เอกสารแสดงการมีรายได้

สำหรับพนักงานบริษัท จะได้รับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบทวิ 50) ซึ่งมีข้อมูลรายได้ตลอดทั้งปี ภาษีสะสมที่ได้ถูกหักไว้ ข้อมูลประกันสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ถูกหักไว้ระหว่างปีด้วย แต่หากประกอบอาชีพอิสระก็จะได้รับเอกสารจากผู้ว่าจ้างเมื่อมีการจ่ายเงิน และหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว และหากมีรายได้หลายทางก็ให้นำรายได้ทุกทางมารวมกัน โดยจัดแยกตามประเภทรายได้ ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภท ได้แก่

  • เงินได้ประเภทที่ 1 เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง โบนัส
  • เงินได้ประเภทที่ 2 เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ เช่น ค่านายหน้า ค่าจ้างทั่วไป
  • เงินได้ประเภทที่ 3 ค่าลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา
  • เงินได้ประเภทที่ 4 ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร
  • เงินได้ประเภทที่ 5 เงินได้จากการเช่าทรัพย์สิน หรือเงินประโยชน์อย่างอื่น
  • เงินได้ประเภทที่ 6 เงินได้จากวิชาชีพอิสระ
  • เงินได้ประเภทที่ 7 เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ
  • เงินได้ประเภทที่ 8 เงินได้อื่น ๆ นอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 - 7

 

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นยื่นแบบภาษี อาจไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแยกประเภทรายได้ เพราะว่ารายได้แต่ละประเภทหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เท่ากัน วิธีการคำนวณภาษี คือต้องนำรายได้หักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน จึงจะได้ตัวเลขเงินได้สุทธิ ที่ต้องนำไปเทียบกับอัตราขั้นบันได โดยหากมีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษี

 

นอกจากนี้ การรู้ประเภทรายได้จะทำให้เลือกใช้แบบฟอร์มได้ถูกต้อง ถ้ามีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวจะใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91 หากมีรายได้อื่น ๆ ด้วยนอกเหนือจากเงินเดือนจะใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.90 และเฉพาะเงินได้ประเภทที่ 5 - 8 หากรวมกันแล้วเกิน 60,000 บาท จะต้องยื่นแบบครึ่งปีด้วย โดยใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.94

 

  • เอกสารที่ใช้ลดหย่อนภาษี

เอกสารลดหย่อนมีหลายรายการ สามารถแยกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

  • กลุ่มภาระติดตัวและครอบครัว เช่น เตรียมสูติบัตรหรือใบรับรองบุตรสำหรับค่าลดหย่อนบุตร หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ล.ย.03) สำหรับค่าลดหย่อนพ่อแม่ ทะเบียนสมรสกรณีลดหย่อนคู่สมรส เป็นต้น
  • กลุ่มประกัน เตรียมใบเสร็จหรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกัน ซึ่งปัจจุบันอาจไม่ต้องเตรียมเอกสารใด เพียงแต่ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนต่อบริษัทประกัน
  • กลุ่มการออมและลงทุน เตรียมหนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุน เช่น SSF หรือ RMF เป็นต้น
  • กลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ หากกู้ซื้อบ้านหรือคอนโด ให้ขอหนังสือรับรองการเสียดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย จากธนาคารด้วย ค่าลดหย่อนกรณีพิเศษที่รัฐบาลประกาศ เช่น โครงการช้อปดีมีคืน ก็ให้เตรียมใบกำกับภาษี เป็นต้น
  • กลุ่มเงินบริจาค โดยทั่วไปจะใช้ใบอนุโมทนาบุญที่ระบุชื่อผู้ยื่นภาษีเป็นผู้บริจาค แต่หากบริจาคผ่าน e-Donation ก็ไม่ต้องเตรียมเอกสาร

 

แม้การยื่นแบบภาษีอาจจะยังไม่ต้องยื่นเอกสารในทันที แต่การเตรียมเอกสารทุกอย่างให้เรียบร้อย จะช่วยให้มีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน เพราะหากขาดเอกสารที่ต้องใช้ลดหย่อนเรื่องใดไป เช่น ลืมกรอกค่าลดหย่อนบุตร ก็จะทำให้เสียภาษีมากกว่าที่ควรจะเป็น และไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเอกสารเมื่อสรรพากรขอตรวจสอบเพิ่มเติม ที่สำคัญหากมีเงินภาษีที่ได้คืน ก็จะได้ภาษีคืนเร็วอีกด้วย

 

ทางเลือกในการยื่นแบบของคู่สามีภรรยา

การยื่นแบบภาษีสำหรับคนโสด เป็นการสรุปรายได้ของคนคนเดียว แต่สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้ว (จดทะเบียนสมรส) มี 3 ทางเลือกในการยื่นแบบ แต่ก่อนจะเลือกวิธีใดต้องคำนวณว่าวิธีไหนได้ประโยชน์ทางภาษีสูงสุด

 

  • แยกยื่น : ต่างคนต่างยื่นรายได้ของตัวเอง เหมาะกับคู่สมรสที่มีรายได้และค่าลดหย่อนใกล้เคียงกันหรืออยู่ในฐานภาษีเดียวกัน
  • แยกยื่นเฉพาะส่วนของเงินเดือน : ภรรยายื่นเฉพาะรายได้ที่เป็นเงินเดือน หากมีรายได้ประเภทอื่น เช่น ขายของออนไลน์ ก็นำรายได้ส่วนนี้ให้สามีเป็นผู้ยื่น ในทางกลับกัน สามียื่นเฉพาะเงินเดือน รายได้อื่นก็ยื่นในนามภรรยา เหมาะกับกรณีที่ฝ่ายหนึ่งมีเงินเดือนสูง และมีรายได้ทางอื่นด้วย รวมถึงมีฐานภาษีที่สูงกว่าอีกฝ่าย
  • รวมยื่น : เป็นการนำรายได้ทั้งหมดของสามีและภรรยามายื่นแบบรวมกัน โดยภรรยาเป็นผู้ยื่นหรือสามีเป็นผู้ยื่นก็ได้ เหมาะกับกรณีที่ฝ่ายหนึ่งมีรายได้ไม่มากแต่มีค่าลดหย่อนมาก (อาจจะมากกว่ารายได้) จะทำให้อีกฝ่ายใช้ประโยชน์จากค่าลดหย่อนได้

 

อาจมีคำถามว่า ถ้าไม่ยื่นแบบภาษีจะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยยื่นแบบและไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หรือหากไม่ยื่นแบบ สรรพากรไม่มีข้อมูลก็ไม่สามารถตรวจสอบภาษีได้ คำถามเหล่านี้ถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะข้อมูลรายได้ส่วนใหญ่ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย จะถูกส่งไปที่กรมสรรพากร (ยกเว้นเป็นรายได้ในรูปแบบของดอกเบี้ย เงินปันผล ที่ถือเป็น Final Tax ไม่ต้องยื่นภาษีได้) ดังนั้น อาจถูกตรวจสอบย้อนหลัง

 

การไม่ยื่นแบบภาษีโดยเจตนา เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และการไม่ยื่นแบบภาษีเลยเมื่อกรมสรรพากรตรวจสอบและประเมินภาษี กรมสรรพากรมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้ถึง 10 ปี ดังนั้น หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นแบบภาษีให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องปวดหัวได้ในอนาคต


สำหรับผู้ที่สนใจ เรียนรู้พื้นฐานและเทคนิคการวางแผนประหยัดภาษี เพื่อให้สามารถวางแผนภาษีและเพิ่มเงินออมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “วางแผนดี ได้ภาษีคืน ด้วยโปรแกรม Tax Planning” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

 

หรือสนใจวางแผนประหยัดภาษีด้วยการออมและการลงทุน ซึ่งจะทำให้เงินออมออกดอกออกผลงอกเงยขึ้น และยังช่วยประหยัดภาษีได้อีกด้วย โดยสามารถคำนวณและวางแผนได้ผ่าน “โปรแกรมวางแผนประหยัดภาษี” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: