💰ในโลกของการลงทุนที่ดูเหมือนจะซับซ้อน หลายคนมักจะสับสนกับตัวเลือกหุ้นที่เยอะจนเกินไป จนไม่รู้ว่าจะต้องตัดสินใจเลือกหุ้นตัวไหนหรือใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินใจดี ฟังดูแล้ว... เหมือนการลงทุนจะเป็นเรื่องที่ยากใช่ไหม ?
ความจริงแล้ว การลงทุนอาจไม่ได้ซับซ้อนเท่าที่เรากังวล และบางครั้งเราก็แทบไม่จำเป็นต้องศึกษาใหม่ตั้งแต่ต้นเลยว่า... หุ้นตัวนั้นทำอะไร หรือขายอะไร เพียงแค่เราเลือกหุ้นจาก “สิ่งใกล้ตัวที่เรารู้จักหรือคุ้นเคย”
ซึ่งวันนี้เราทุกคนก็สามารถลงทุนสิ่งใกล้ตัวเหล่านี้ได้อย่างง่ายแม้เป็นหุ้นต่างประเทศ ผ่าน DR ของตลาดหลักทรัพย์ไทย
แล้วทำไมต้อง “หุ้นใกล้ตัว” ?
เพราะการลงทุนที่ดี ควรเริ่มต้นจากความเข้าใจ เมื่อตลาดหุ้นเต็มไปด้วยบริษัทหลายร้อยหลายพันแห่ง การพยายามทำความเข้าใจธุรกิจทุกประเภทอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ค่อนข้างยาก และมักนำไปสู่ความสับสนและข้อผิดพลาดในการตัดสินใจ
แต่สำหรับ “หุ้นใกล้ตัว” นั้น นั่นคือสิ่งที่เราพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟแก้วโปรดยามเช้า อย่าง Starbucks, สมาร์ตโฟนที่เราใช้ อย่าง Apple , รถที่เราขับไปออฟฟิศ อย่าง Honda Toyota, BYD, Tesla, โปรแกรมที่เราใช้ทำงาน อย่าง Adobe Microsoft Google หรือแม้แต่แอปพลิเคชันเพื่อความบันเทิงอย่าง Netflix และ Meta เป็นต้น ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นหุ้นหรือธุรกิจรอบตัวเราทั้งนั้น
🕹️ แน่นอนว่า... การที่เราเป็นผู้บริโภคโดยตรง จะทำให้เรามี “ความได้เปรียบ” ในการทำความเข้าใจธุรกิจเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังง่ายต่อการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม กรณีที่ บริษัทนั้นไม่ได้ทำแค่ธุรกิจหรือขายสินค้าเดียวด้วย
นอกจากนี้ หากมีความเคลื่อนไหวของราคา เราก็จะสามารถวิเคราะห์และเข้าใจได้ว่า บางครั้งปัจจัยที่ทำให้ราคาลดลงอาจเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นฐานของธุรกิจ ทำให้เรา ไม่กังวลมากเกินไป และไม่พลาดโอกาสในการลงทุนที่ดี ไปอย่างน่าเสียดายนั่นเอง
ด้วยเหตุผลนี้ แนวคิด “หุ้นใกล้ตัว” จึงถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้แต่นักลงทุนระดับโลกก็ยังนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในการลงทุนเช่นกัน
ตัวอย่าง นักลงทุนระดับโลก ที่ใช้แนวคิดนี้
คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) หนึ่งในนักลงทุนที่ใช้แนวคิดนี้ ซึ่งที่ผ่านมาสิ่งที่คุณปู่ย้ำเตือนอยู่เสมอสำหรับการลงทุนก็คือ “Never invest in a business you cannot understand.” หรือก็คือ “อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ”
โดยคุณปู่จะเรียกหลักการนี้ว่า “Circle of Competence” หรือ วงกลมแห่งความรู้ เปรียบเสมือนขอบเขตของความรู้และความเข้าใจที่เรามี คุณปู่ไม่ได้บอกว่าเราต้องรู้ทุกเรื่องในโลก แต่ขอให้เรารู้ขอบเขตที่เราเชี่ยวชาญ และลงทุนในสิ่งที่อยู่ในวงกลมนั้น หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือ ลงทุนในธุรกิจที่เรามีความเข้าใจ ง่าย และไม่ซับซ้อนเกินความสามารถของเรานั่นเอง
ทำให้เส้นทางการลงทุนที่ผ่านมาของคุณปู่ จึงมักเลือกบริษัทที่คุ้นเคย ใกล้ตัว และรู้จักเป็นอย่างดี รวมถึงมีความชื่นชอบ และเข้าใจโมเดลธุรกิจอย่างถ่องแท้ด้วย อย่างเช่นหุ้นโค้ก (Coca-Cola) แบรนด์เครื่องดื่มที่เขาดื่มเป็นประจำ ซึ่งคุณปู่ยังเคยเล่าว่าเขาดื่มโค้กมากถึงวันละ 5 กระป๋อง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมี ปีเตอร์ ลินซ์ (Peter Lynch) ผู้จัดการกองทุน Fidelity Investments Magellan ในตำนานที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่ใช้แนวคิดนี้ คือ “ลงทุนในสิ่งที่รู้จัก” และ “ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งตนเอง” โดยเขาเชื่อว่า เมื่อเรา เข้าใจธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน จะทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึก และตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เองที่เป็นรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับการลงทุนของเขา
นอกจากนี้เขายังได้เล่าถึงแนวคิดการลงทุนผ่านหนังสือของเขาที่ชื่อว่า One Up On Wall Street ไว้ว่า “โอกาสในการลงทุนมีอยู่ทุกที่” ตั้งแต่ซูเปอร์มาร์เก็ตไปจนถึงที่ทำงาน เราเจอผลิตภัณฑ์และบริการตลอดทั้งวัน
ถึงแม้ทั้งหมดนี้จะดูเหมือนเป็นแนวคิดที่เรียบง่าย แต่นั่นก็ทำให้เขาได้ค้นพบหุ้นหลายตัวที่สร้างผลตอบแทนอย่างมหาศาล จนทำให้กองทุนที่ปีเตอร์ ลินซ์ ดูแลนั้นมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาเพียง 13 ปี คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 29.2% เลยทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้าง ? 📌 อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว... หลายคนคงเริ่มเห็นโอกาสในการลงทุนที่ง่ายขึ้นแล้วใช่ไหม ?
สิ่งที่ได้ผลลัพธ์เกินคาด... สินค้าและบริการที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน กลายเป็น “หุ้นใกล้ตัว” ที่เรารู้จักเป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เราสามารถเข้าถึงโลกของการลงทุนได้ง่ายขึ้น เข้าใจธุรกิจได้ลึกซึ้งขึ้น และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยได้อีกด้วย
และนี่คือข้อได้เปรียบที่เราทุกคนมีเหมือนกัน อยู่ที่ว่าจะเอาออกมาใช้หรือเปล่า 🗝️ เพียงแค่สังเกตสิ่งรอบตัว และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เท่านี้ก็สามารถสร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จในการลงทุนได้ไม่แพ้นักลงทุนมืออาชีพแล้ว
ไหนนน 🙋ใครอยากรู้ว่ามี “หุ้นตัวไหน” ที่อยู่ใกล้ตัวเราบ้าง.. สามารถดูรายชื่อ DR ทั้งหมดได้ที่นี่เลย
📍ถึงเวลาแล้ว... ที่เราจะเปลี่ยนมุมมองจาก “ผู้บริโภค” มาเป็น “เจ้าของ” บ้าง ! สำหรับใครที่ต้องการลงทุนในหุ้นต่างประเทศระดับโลก ก็สามารถลงทุนได้แล้วผ่าน DR เพียงแค่มีบัญชีหุ้นไทยก็เทรดได้เลยทันที
🔔 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DR คลิกอ่านต่อที่นี่ : http://www.set.or.th/dr
DR มีให้เลือกลงทุนมากมายกว่าร้อยตัว ครอบคลุมบริษัทชั้นนำจากทั่วโลก ทั้งในอเมริกา จีน ยุโรป และอีกหลายประเทศ
📲ผู้ลงทุนที่มีบัญชีหุ้นไทย สามารถพิมพ์ชื่อย่อหลักทรัพย์ตามด้วยหมายเลขผู้ออก ก็เทรดได้เลย ! หรือจะเลือกดูรายชื่อ DR ทั้งหมดผ่านแอป Streaming ก็ไปที่เมนู “Watch” กดที่ “Favourite” เลือก “SET” ไปที่ “Stock Type” และเลือก “.DR”
🌍 เพิ่มโอกาสการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย ไปกับ DR (Depositary Receipt) สะดวกง่าย ✅ ซื้อขายด้วยเงินบาท ✅ เพียงมีบัญชีหุ้นไทยเทรดได้เลย !
หากยังไม่มีบัญชีหุ้น เริ่มต้นเปิดบัญชีลงทุนผ่านแอป Streaming ได้ที่ :📲 https://www.setinvestnow.com/th/open-account-stock-eopen
ศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่
ข้อมูล ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2568
* ข้อมูลที่ปรากฏนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลในอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นโดยการอิงกับไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Based) หรือกระแส (Trend) อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่รับรองความถูกต้อง ครบถ้วน หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ และตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรือสูญหายจากการนำข้อมูลที่ปรากฏนี้ไปใช้ในทุกกรณี

