ตลาดหุ้นไทยกับความท้าทาย จะบริหารเงินทุนด้วย DW อย่างไร?
โดยปกติวัฏจักรของหุ้นในช่วงตลาดขาลงที่ลากยาวนั้น ตลาดหุ้นจะไม่ปรับตัวลงเพียงอย่างเดียว แต่จะมีช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้นสั้นๆในกรอบด้วย ถ้าอยากจะเก็งกำไรในหุ้นโดยตรงในกรอบนั้น อาจมีข้อจำกัดที่จะต้องใช้เงินทุนเยอะ ดังนั้น การเก็งกำไรในช่วงที่ตลาดรีบาวด์นี้ จำเป็นที่นักลงทุนอาจหาเครื่องมืออื่นในการลงทุน ที่ไม่ต้องใช้เงินทุนเยอะด้วย เช่น “DW” หรือมาจากชื่อเต็มๆว่า Derivative Warrant
ตลาดหุ้นไทยปรับลงอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทย ลงมาติดต่อกัน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2566 ที่ดัชนี SET ขึ้นไประดับสูงสุดอยู่ที่ 1,695 จุด และล่าสุด (23 มิ.ย. 68) ดัชนี SET ปิดที่ 1,062 จุด ซึ่งปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดถึง 633 จุด หรือถ้าไม่นับช่วงปี 2020 ที่มีเหตุการณ์วิกฤติ Covid-19 ถือว่าตลาดหุ้นไทย ลงมาต่ำสุดในรอบ 13 ปีเลยทีเดียว ทำให้ตลาดหุ้นไทยตอนนี้มีมูลค่าไม่แพง ปัจจุบัน มี P/BV อยู่ที่ประมาณ 1 เท่า โดยถือว่าค่อนข้างต่ำ หากเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในหลายๆประเทศ
แต่..ถ้าวัฏจักรของหุ้นในช่วงตลาดขาลง ใช้เวลานาน จะส่งผลอย่างไร?
หนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนที่ผ่านมา คือ “การซื้อหุ้นถัว” ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง เพื่อให้ราคาเฉลี่ยของหุ้นในพอร์ตลดลง โดยกลยุทธ์นี้อาจจะประสบความสำเร็จ ถ้าวัฏจักรของหุ้นในช่วงตลาดขาลง ใช้เวลาไม่ยาวนานหรือพื้นฐานของหุ้นไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ในทางกลับกัน ถ้าวัฏจักรของหุ้นในช่วงตลาดขาลงใช้เวลานาน จะมีโอกาสเกิดอะไรขึ้นสำหรับการใช้กลยุทธ์นี้ นั่นก็คือ “จำนวนเงินที่จะใช้สำหรับลงทุนเพิ่ม อาจเหลือไม่มากนัก”
ใช้ DW เครื่องมือต่อยอดลงทุนหุ้นใหญ่
โดยปกติวัฏจักรของหุ้นในช่วงตลาดขาลงที่ลากยาวนั้น ตลาดหุ้นจะไม่ปรับตัวลงเพียงอย่างเดียว แต่จะมีช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้นสั้นๆในกรอบด้วย ถ้าอยากจะเก็งกำไรในหุ้นโดยตรงในกรอบนั้น อาจมีข้อจำกัดที่จะต้องใช้เงินทุนเยอะ ดังนั้น การเก็งกำไรในช่วงที่ตลาดรีบาวด์นี้ จำเป็นที่นักลงทุนอาจหาเครื่องมืออื่นในการลงทุน ที่ไม่ต้องใช้เงินทุนเยอะด้วย เช่น “DW” หรือมาจากชื่อเต็มๆว่า Derivative Warrant
ราคา DW จะอ้างอิงหุ้นขนาดใหญ่ หรือ ดัชนี SET50 เป็นเครื่องมือเพื่อมาช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุน เนื่องจาก DW มี “อัตราทด” จะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็อาจขาดทุนได้มากกว่าเช่นกัน
นักลงทุนสามารถใช้ DW ทำกำไร ได้ทั้ง 2 ทิศทาง เริ่มจาก Call DW โดยราคา DW จะเคลื่อนไหวตามราคาหุ้นอ้างอิง สมมุติว่า นักลงทุนมองว่าราคา AOT ปรับตัวลงมาเยอะและน่าจะปรับตัวขึ้น ก็หา Call DW ที่อ้างอิงกับ AOT เช่น AOT13C2511A โดยหากราคา AOT ปรับตัวขึ้น ราคา AOT13C2511A ก็จะปรับตัวขึ้นตาม หรือ Put DW เช่น SET5013P2509D อ้างอิงกับดัชนี SET50 โดยราคา Put DW จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับหลักทรัพย์อ้างอิง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองว่าตลาดยังมีความเสี่ยงสูง และมองว่าตลาดหุ้นไทย น่าจะปรับตัวลงต่อ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DW มีความเสี่ยงมากกว่าลงทุนในหุ้น ซึ่งไม่สามารถลงทุนทดแทนกันได้ อีกทั้ง DW มีวันหมดอายุและมูลค่าทางเวลาที่ลดลง จึงเหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น ศึกษา DW เพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaiwarrant.com/Knowledge/articles-details-69