10 กองทุนรวมทองคำ ผลตอบแทนร้อนแรงปี 2568

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
6 มิถุนายน 2568
746 views
TSI-Article-691-Inv-top-10-gold-mutual-funds-2025-high-returns-Thumbnail
Highlights
  • กองทุนรวมทองคำกลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุนไทยในปี 2568 เมื่อให้ผลตอบแทนสูงถึง 20% นับตั้งแต่ต้นปี ท่ามกลางราคาทองคำที่พุ่งทะลุจาก 2,386 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 3,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นกว่า 32% ในรอบปีเดียว

  • โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ราคาทองคำเฉลี่ยปีนี้จะแตะ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ CoinCodex ประเมินไว้ที่ 3,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การลงทุนผ่านกองทุนรวมช่วยแก้ปัญหาการเก็บรักษาทองคำแท่ง พร้อมให้สภาพคล่องสูงและมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแล

  • นักลงทุนควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยง ไม่ควรลงทุนในทองคำเกิน 5-10% ของพอร์ต และคำนึงถึงความผันผวนระยะสั้น รวมถึงค่าธรรมเนียมของกองทุนและปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อราคาทองคำ เช่น นโยบายการเงินของสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

เมื่อพูดถึงการลงทุนที่กำลังดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ทองคำ” ที่ราคาปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสำหรับนักลงทุนไทย กองทุนรวมทองคำกลายเป็นช่องทางที่น่าสนใจยิ่งขึ้น เมื่อมีผลตอบแทนสูงถึง 20% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ทองคำกลับมาเป็นขวัญใจนักลงทุน

การที่ทองคำกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากย้อนกลับไปดูเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 2,386 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ในปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้นถึงกว่า 30% ในรอบปีเดียว ตัวเลขที่ทำให้นักลงทุนต้องหันมาจับตาดูอย่างจริงจัง

 

ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ การคาดการณ์จากสถาบันต่าง ๆ ที่ยังคงมองราคาทองคำในแง่บวก โดยโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสำหรับสิ้นปี 2568 เป็น 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากเดิมที่คาดไว้ 3,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่

 

  • ความต้องการซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่สูงกว่าคาด

ปัจจุบันธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเฉลี่ยเดือนละประมาณ 80 ตัน มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 70 ตันต่อเดือน สะท้อนถึงความต้องการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองระหว่างประเทศ

  • กระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์ทองคำ (ETF) เพิ่มขึ้น

ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความผันผวนของตลาดยังคงหนุนให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนเลือกถือครอง

 

ด้าน CoinCodex เว็บไซต์ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคสินทรัพย์ทางเลือก ประเมินว่าราคาทองคำในปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยโมเดลคาดการณ์เชิงอัลกอริทึมชี้ว่า ราคาทองคำอาจขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 3,164.70 – 4,807.06 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และราคาเฉลี่ยตลอดปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,062.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงอาจมีข้อจำกัด ทั้งเรื่องการเก็บรักษาที่ปลอดภัย การขนส่ง หรือแม้แต่ค่าประกันภัย ซึ่งปัญหาเหล่านี้กลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กองทุนรวมทองคำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เหตุใดกองทุนรวมทองคำจึงน่าสนใจ

การลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำมีข้อดีที่ชัดเจน และสำคัญที่สุด คือ เรื่องของการกระจายความเสี่ยงทองคำมีลักษณะพิเศษตรงที่มักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับตลาดหุ้น โดยเมื่อตลาดหุ้นปรับลดลง เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว หรือมีความไม่แน่นอนทางการเมือง ราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้น ซึ่งเหตุผลที่นักลงทุนเรียกทองคำว่า “สินทรัพย์ปลอดภัย”

 

นอกจากนี้ สภาพคล่องของกองทุนรวมทองคำยังสูงมาก สามารถซื้อขายได้ง่ายผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา หรือปัญหาด้านความปลอดภัย

 

การมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแลก็เป็นอีกหนึ่งข้อดี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำอย่างใกล้ชิด และในช่วงที่โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงสงครามการค้า ทองคำมักจะเป็นที่หลบภัยของเงินลงทุนจากทั่วโลก

10 กองทุนรวมทองคำ ผลตอบแทนโดดเด่นปี 2568

TSI-Article-691-Inv-top-10-gold-mutual-funds-2025-high-returns-01

ที่มา : morningstarthailand.com (ข้อมูล ณ 28 พฤษภาคม 2568)

หมายเหตุ: ข้อมูลไม่รวมกองทุน SSF และ RMF และการจัดอันดับนี้เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชี้นำการลงทุน

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนลงทุน

• การกระจายความเสี่ยง

แม้ว่าผลตอบแทนจะดูน่าดึงดูด แต่การลงทุนในกองทุนรวมทองคำก็มีสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เรื่องการกระจายความเสี่ยง โดยผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ลงทุนในทองคำไม่เกิน 5 - 10% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด เพราะการใส่น้ำหนักมากเกินไปในสินทรัพย์ประเภทเดียวอาจทำให้เกิดความเสี่ยงได้

• ความผันผวน

แม้แนวโน้มระยะยาวจะดูสดใส แต่ราคาทองคำสามารถมีความผันผวนสูงในระยะสั้นได้ ดังนั้น ควรพิจารณาเป็นการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว

• ค่าธรรมเนียม

แต่ละกองทุนจะมีค่าธรรมเนียมการจัดการที่แตกต่างกัน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อผลตอบแทนสุทธิที่นักลงทุนจะได้รับ

• ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาทองคำ

ราคาทองคำไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และสงครามการค้า ล้วนเป็นตัวแปรที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด



เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณแค่ไหน?

กองทุนรวมทองคำในปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับการกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองคำกำลังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการลงทุนทุกประเภท ความเสี่ยงย่อมมีอยู่เสมอ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เข้าใจผลิตภัณฑ์ที่จะลงทุน และหากจำเป็น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การตัดสินใจลงทุนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


สำหรับใครที่สนใจ เรียนรู้แนวคิดและเทคนิคในการสร้างแผนลงทุนด้วยกองทุนรวม พร้อมใช้ตัวช่วยอย่าง Streaming Fund+ เพื่อสร้างแผนลงทุนที่เหมาะกับตนเองได้ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “มือใหม่หัดสร้างแผนลงทุนด้วยกองทุนรวม” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน