การวิเคราะห์งบการเงินอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในช่วงที่บริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการพร้อมกันเป็นจำนวนมากถือเป็นช่วงที่สำคัญ หากคุณสามารถวิเคราะห์และจับใจความงบการเงินได้อย่างรวดเร็วก็จะเพิ่มโอกาสในการลงทุน
เทคนิคการอ่านงบควรจัดลำดับความสำคัญ เริ่มจากการอ่านด้านการทำกำไร การใช้สินทรัพย์ และหนี้สิน โดยใช้คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการประกอบ นอกจากนี้ยังแนะนำเครื่องมือช่วยทุ่นแรง เช่น SETSMART, Factsheet, Analysis Consensus และ Opportunity Day ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถจับใจความสำคัญของงบการเงินได้อย่างทันท่วงที และไม่พลาดโอกาสการลงทุนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญนี้
ในช่วงประกาศงบการเงิน บริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศผลประกอบการพร้อม ๆ กันหลายสิบบริษัทต่อวัน หากนักลงทุนสามารถจับใจความสำคัญของงบการเงินได้อย่างรวดเร็ว ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนและไม่พลาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนหุ้นตัวนั้น ๆ
เทคนิคที่ 1 รู้แหล่งข้อมูลและสิ่งที่ต้องดู
ในฐานะนักลงทุน สิ่งแรกที่ต้องรู้ คือ จะไปหาข้อมูลผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนได้จากที่ไหน โดยหลัก ๆ แล้ว มาจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( set.or.th) เว็บไซต์ของบริษัทจดทะเบียน หรือจากการรายงานของสำนักข่าวต่าง ๆ ซึ่งบริษัทจดทะเบียนจะประกาศผลประกอบการทุกไตรมาส เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่ต้องเปิดเผยข้อมูลต่อนักลงทุน โดยมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน ดังนี้
งบการเงินรายปี จะประกาศผลประกอบการภายใน 60 วัน นับจากวันสิ้นสุดรอบปีบัญชีงบการเงินรายไตรมาส จะประกาศผลประกอบการภายใน 45 วัน นับจากวันสิ้นสุดรอบไตรมาส
ในวันที่มีการประกาศผลประกอบการ บริษัทไม่ได้มีแค่งบการเงินตัวเลขอย่างเดียว แต่จะมาพร้อมกัน 3 สิ่งสำคัญที่ควรให้ความสนใจ มีดังนี้
งบการเงินฉบับเต็ม เป็นเอกสารตัวเลขทางการเงินที่ละเอียดที่สุด ซึ่งแสดงฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสดของบริษัทคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ( MD&A) ส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะฝ่ายจัดการของบริษัทจะอธิบายและวิเคราะห์ผลประกอบการ ตัวเลขต่างๆ ในงบการเงิน รวมถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานสรุปผลประกอบการ เป็นเอกสารที่สรุปผลกำไรหรือขาดทุนของบริษัทในไตรมาสนั้น ๆ แบบสั้น ๆ และรวดเร็ว
ลำดับการอ่านงบเพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
1.สรุปผลประกอบการ ด่านแรกในการคัดกรองข้อมูล คือ สรุปผลประกอบการ อ่านเพื่อให้เห็นภาพรวมคร่าว ๆ ว่ากำไรของบริษัทในไตรมาสนั้น ๆ เพิ่มขึ้นหรือลดลง
2.คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (MD&A) เมื่อเห็นภาพรวมแล้ว ตามด้วยการอ่าน MD&A เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมกำไรถึงเพิ่มขึ้น (หรือลดลง) เพราะ MD&A จะช่วยให้เห็นที่มาที่ไปของตัวเลขแต่ละบรรทัดในงบการเงิน
3.งบการเงินฉบับเต็ม หากต้องการวิเคราะห์เชิงลึกหรือมีข้อสงสัยจากสรุปและ MD&A ควรอ่านรายละเอียดตัวเลขในงบการเงินฉบับเต็ม
ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ
แม้ว่า MD&A จะช่วยให้เข้าใจภาพรวมได้ดี แต่ในงบการเงินฉบับเต็มและหมายเหตุประกอบงบการเงิน ยังมีข้อมูล เชิงลึกที่สำคัญให้ศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน ดังนี้
รายงานของผู้สอบบัญชี หากพบประโยคที่ระบุว่า “เรื่องที่เน้น” หรือ “ข้อสังเกต” แสดงว่ามีประเด็นสำคัญที่ผู้สอบบัญชีต้องการให้เราเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมงบการเงิน (ตัวเลขดิบ) การดูตัวเลขอย่างเดียวอาจไม่เห็นภาพชัดเจน ต้องใช้อัตราส่วนทางการเงินมาช่วยวิเคราะห์ หากไม่ต้องการคำนวณก็สามารถรอ 1 - 2 วันหลังประกาศงบ เพราะบริษัทจะส่งข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็สามารถศึกษาข้อมูลใน Factsheet จะช่วยให้การวิเคราะห์สะดวกรวดเร็วข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินอื่น ๆ เช่นอายุลูกหนี้ (ช่วยให้ประเมินได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการเก็บเงินจากลูกหนี้การค้าได้ดีเพียงใด) เงินลงทุนในบริษัทร่วมและส่วนแบ่งกำไรตามวิธีส่วนได้เสียแยกบริษัท (ทำให้ทราบว่าบริษัทร่วมที่ลงทุนไปนั้นสร้างกำไรได้ดีจริงหรือไม่) ผลประกอบการแยกตามส่วนงานและภูมิภาค (ช่วยให้เห็นภาพรวมว่าธุรกิจแต่ละส่วนงานหรือรายได้จากในประเทศกับต่างประเทศ)
เทคนิคที่ 2 เจาะลึกการวิเคราะห์งบการเงิน 3 มิติ (ด้วย MD&A)
การวิเคราะห์งบการเงินไม่ใช่แค่การดูตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทำความเข้าใจว่าตัวเลขเหล่านั้นบอกอะไรเกี่ยวกับธุรกิจ และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งคำตอบจะอยู่ที่ “คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ( MD&A)” ควบคู่ไปกับการดูตัวเลขในงบการเงิน
การทำกำไร (Profitability)
การเปลี่ยนแปลงแต่ละบรรทัดในงบกำไรขาดทุนจะมีความหมายและสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท
การเปลี่ยนแปลงของรายได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์กำไร การเปลี่ยนแปลงของรายได้จะเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ทางธุรกิจว่าผู้บริหารมีทิศทางอย่างไรในการนำพาธุรกิจไปข้างหน้า โดยบริษัทบางแห่งจะแยกสัดส่วนรายได้ ทำให้วิเคราะห์ได้ละเอียดมากขึ้นว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงมาจากสาเหตุใดอัตรากำไรขั้นต้น ( Gross Profit Margin) การเปลี่ยนแปลงของอัตรากำไรขั้นต้นจะสะท้อน 3 เรื่องหลัก1.การแข่งขัน หากบริษัทมีการแข่งขันสูง อัตรากำไรขั้นต้นมักจะต่ำ
2.ต้นทุนสินค้าและวัตถุดิบ ทิศทางของต้นทุนสินค้าและวัตถุดิบในช่วงนั้นมีผลโดยตรงต่ออัตรากำไรขั้นต้น
3.จุดคุ้มทุนของโรงงานหรือสถานที่ให้บริการ สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนการผลิตหรือการให้บริการ
ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร แสดงถึงค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต้นทุนคงที่และมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่บริษัทมีการขยายกิจการ เนื่องจากต้องเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้นทุนทางการเงิน เป็นรายจ่ายที่สอดคล้องกับภาระหนี้สินของบริษัท บริษัทที่มีหนี้สินสูงก็จะมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงตามไปด้วย
การนำสินทรัพย์ไปใช้ประโยชน์ (Asset Utilization)
เป็นการพิจารณาว่าบริษัทนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ไปสร้างรายได้และผลตอบแทนได้ดีแค่ไหน โดยปกติการใช้สินทรัพย์จะไม่ค่อยมีอธิบายโดยละเอียดใน MD&A จึงต้องดูและวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ดังนี้
อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Assets: ROA) บริษัทที่ดีควรมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการลงทุนเพื่อขยายกิจการ และมี ROA ที่สม่ำเสมอ หมายความว่ามีการลงทุนและสามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาได้อย่างดี แต่หากพบว่า ROA เริ่มลดลง ต้องตรวจสอบว่าเกิดจากสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติหรือเกิดจากกำไรที่ลดลงโครงสร้างสินทรัพย์ที่ต้องระวัง ควรดูโครงสร้างสินทรัพย์ว่ามีรายการที่ต้องระวังและมีสัดส่วนสูง ๆ หรือไม่ เช่น ค่าความนิยม (Goodwill) สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Assets) หรือเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่สร้างส่วนแบ่งกำไรต่ำอัตราส่วนทางการเงินเพื่อวิเคราะห์ความผิดปกติ บางรายการต้องใช้อัตราส่วนทางการเงินมาวิเคราะห์ร่วมด้วยเพื่อดูความผิดปกติ เช่น1.ลูกหนี้การค้า ควรดูคู่กับระยะเวลาเก็บหนี้ เพื่อประเมินความสามารถในการเก็บเงิน
2.สินค้าคงเหลือ ควรดูคู่กับระยะเวลาขายสินค้า เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง
3.เจ้าหนี้การค้า ควรดูคู่กับระยะเวลาชำระเจ้าหนี้ เพื่อดูนโยบายการชำระหนี้
หากพบว่ามีรายการใดเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดสังเกต ควรเข้าไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมใน “หมายเหตุประกอบงบการเงิน” ประกอบ
หนี้สินและความสามารถในการชำระหนี้ (Debt & Solvency)
หนี้สินและความสามารถในการชำระหนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มักจะไม่ค่อยมีอธิบายโดยละเอียดใน MD&A แต่สามารถวิเคราะห์ได้จากข้อมูลใน Factsheet โดยพิจารณาจาก
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ( D/E Ratio) เป็นตัวบ่งชี้ถึงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทว่าพึ่งพาหนี้สินมากน้อยแค่ไหนความสามารถในการชำระหนี้จากกระแสเงินสด เป็นการดูว่าบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอที่จะชำระคืนหนี้สินได้หรือไม่ เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณแค่ไหน?
ให้คะแนนเนื้อหานี้กี่คะแนน
เทคนิคที่ 3 ใช้ตัวช่วยให้เป็นประโยชน์
ในยุคปัจจุบัน การพึ่งพาเพียงการอ่านงบการเงินแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอต่อความรวดเร็วและข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล การรู้จักใช้ตัวช่วยหรือเครื่องมือต่าง ๆ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การลงทุนง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันประกาศงบการเงิน
SETSMART เป็นเครื่องมือที่รวบรวมข้อมูลงบการเงินและอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญอย่างเป็นระบบ โดยปกติข้อมูลงบการเงินจะเข้าระบบ SETSMART หลังประกาศงบประมาณ 1 - 2 วัน ดังนั้นสามารถใช้เพื่อกรองหุ้นตามเงื่อนไขที่ต้องการ และเรียงงบการเงินรายไตรมาสเพื่อนำมาคำนวณได้ เช่น ดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราส่วนต่าง ๆ และเลือกดูได้ทั้งแบบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ช่วยให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนFactsheet เป็นสรุปข้อมูลสำคัญของบริษัททั้งหมด โดยย่อมาในรูปแบบ 2 หน้ากระดาษ A4 ซึ่งสะดวกและรวดเร็วในการทำความเข้าใจภาพรวมของบริษัท อีกทั้ง มีประโยชน์ตั้งแต่การวิเคราะห์เบื้องต้นไปจนถึงการประเมินมูลค่าหุ้น เพราะข้อมูลสำคัญส่วนใหญ่ เช่น โครงสร้างรายได้ โครงสร้างหนี้สิน หรืออัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ จะถูกสรุปไว้ให้เรียบร้อยAnalysis Consensus เป็นแหล่งรวมบทวิเคราะห์จากหลากหลายบริษัทหลักทรัพย์ ทำให้สามารถอ่านมุมมองของนักวิเคราะห์ได้ในที่เดียว สิ่งที่น่าสนใจ เช่น หลังจากประกาศงบการเงิน นักวิเคราะห์ก็จะมีมุมมองต่าง ๆ มีการปรับประมาณการกำไรหรือให้ราคาเป้าหมายที่ระดับเท่าไรOpportunity Day (Opp Day) เป็นกิจกรรมที่บริษัทจดทะเบียนมาพบปะนักลงทุนเพื่ออัปเดตสถานการณ์ของบริษัทไตรมาสละครั้ง ใน Opp Day ผู้บริหารจะนำเสนอภาพรวมงบการเงิน และแผนธุรกิจในอนาคต
ช่วงเวลาที่บริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการนับเป็นหัวใจสำคัญสำหรับนักลงทุน เพราะข้อมูลที่เปิดเผยออกมามีผลต่อการตัดสินใจลงทุน และเมื่อบริษัทจะประกาศงบออกมาพร้อมกัน ทำให้การเข้าถึงและทำความเข้าใจข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น หากปราศจากเทคนิคที่ดีอาจเสียเวลาและพลาดโอกาสในการลงทุน
การอ่านงบการเงินให้ไวและจับประเด็นสำคัญได้จึงไม่ใช่แค่ข้อได้เปรียบ แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้นักลงทุนสามารถประเมินสถานการณ์ของบริษัทได้อย่างทันท่วงที และวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การใช้เครื่องมือช่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้กระบวนการนี้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่สนใจ เรียนรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ของงบการเงิน และเทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย เพื่อประเมินศักยภาพของกิจการประกอบการตัดสินใจลงทุน ผ่าน SET e-Learning หลักสูตร “Financial Statement Analysis ” ได้ฟรี!
หากนักลงทุนต้องการเจาะลึกงบการเงินจากเคสจริง วิธีวิเคราะห์และตีความข้อมูลสำคัญในงบการเงินหลากหลายธุรกิจ ทั้งผลิต ซื้อมาขายไป และบริการ มองเห็นโอกาสและสัญญาณเตือนภัยก่อนใคร เพิ่มความมั่นใจในการลงทุนและผลตอบแทนที่ยั่งยืน เรียนฟรี บน SET e-Learning กับซีรีส์ “ถอดรหัสงบการเงิน ”
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
ลงทุน
หุ้น
เล่นหุ้น
วิเคราะห์บริษัท
วิเคราะห์งบ