ดอกเบี้ยนโยบายขยับ เตรียมปรับพอร์ตตราสารหนี้

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
2 มีนาคม 2565
9.936k views
Inv_ดอกเบี้ยนโยบายขยับ เตรียมปรับพอร์ตตราสารหนี้_Thumbnail
Highlights
  • ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น นักลงทุนควรปรับพอร์ตลงทุนในส่วนของตราสารหนี้ด้วยการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น จากนั้นก็ถือจนครบกำหนดอายุ แล้วจึงนำเงินไปลงทุนต่อ (Roll Over) เพื่อทําให้ไม่เสียโอกาสในการรับดอกเบี้ยที่ระดับใหม่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

  • สำหรับนักลงทุนที่มีเงินลงทุนไม่มาก การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ที่เน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุคงเหลือประมาณ 3 เดือนหรือน้อยกว่า ก็จะทำให้ไม่เสียโอกาสในการลงทุนเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเช่นกัน

ตามหลักการลงทุนในตราสารหนี้ จะถือครองจนครบกำหนดอายุของตราสารเพื่อรับดอกเบี้ยเป็นรายงวด แต่หากช่วงที่ภาวะอัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้นและถือตราสารหนี้ระยะยาว มีอายุคงเหลือยาว อาจเห็นมูลค่าพอร์ตลงทุนโดยรวมปรับลดลง ถ้าเป็นเช่นนี้ลองปรับพอร์ตลงทุนในส่วนที่เป็นตราสารหนี้ดู เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

มีคำถามว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยขยับขึ้น ทำไมราคาตราสารหนี้จึงปรับลดลง? นั่นเป็นเพราะว่านักลงทุนรับรู้ล่วงหน้าไปแล้วว่าจะได้รับเงินเท่าไร โดยวิธีการคำนวณราคาตราสารหนี้ คือ นำเงินที่จะได้ในอนาคตเป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยอัตราดอกเบี้ย ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นราคาตราสารหนี้

 

ดังนั้น ถ้าตัวหาร (อัตราดอกเบี้ย) สูงขึ้นเท่าไร ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะลดต่ำลงเท่านั้น หมายความว่า ยิ่งอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นเท่าไร ราคาตราสารหนี้ก็ยิ่งปรับลดลงเท่านั้น ตรงกันข้ามถ้าช่วงไหนที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง ราคาตราสารหนี้จะปรับสูงขึ้น

 

อีกทั้ง ในแต่ละช่วงอายุของตราสารหนี้ ราคาจะเคลื่อนไหวแตกต่างกัน โดยตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาว เมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ราคาตราสารหนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพราะมองว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ถ้าเป็นตราสารหนี้ที่อายุคงเหลือสั้น ถ้าอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงไม่มาก ราคาตราสารหนี้จะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

ยกตัวอย่างเช่น ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น ราคาตราสารหนี้ที่อายุคงเหลือยาว จะปรับลดลงอย่างมาก ตรงกันข้ามกับตราสารหนี้ที่อายุคงเหลือสั้น ราคาจะปรับลดลงเพียงเล็กน้อย เช่นเดียวกันหากราคาตราสารหนี้ขยับขึ้นก็จะปรับขึ้นเล็กเพียงน้อยในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง

 

ดังนั้น ในช่วงอัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น กลยุทธ์ คือ ลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น มีอายุคงเหลือสั้น เพราะหากลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว มีอายุคงเหลือยาว จะมีโอกาสขาดทุนสูงมาก

 

แต่สำหรับนักลงทุนที่ไม่สนใจว่าในระหว่างทาง ราคาตราสารหนี้จะผันผวนเพียงใด ก็สามารถลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวได้ เพราะจะได้รับผลตอบแทนทุกปี จนครบกำหนดอายุของตราสาร แต่ถ้ารู้สึกหวั่นไหวกับราคาตราสารหนี้ที่ผันผวนในช่วงอัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น ก็ต้องเน้นลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

 

สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนผ่านตราสารหนี้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น ควรดูอัตราดอกเบี้ยเป็นสำคัญ เพราะมีผลต่อมูลค่าของพอร์ตลงทุน โดยหากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นยิ่งทำให้มูลค่าพอร์ตลงทุนปรับลดลง ก็ให้ลดอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ลง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านมูลค่าของพอร์ตลงทุน

 

หรือเมื่อลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น อายุไม่เกิน 1 ปี และเมื่อครบกำหนดอายุ ก็ทำการลงทุนใหม่ไปเรื่อย ๆ (Roll Over) โดยการลงทุนในลักษณะนี้นอกจากจะมีความเสี่ยงของการลงทุนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำตามอายุของตราสารแล้ว การ Roll Over จะช่วยทําให้ไม่เสียโอกาสในการรับดอกเบี้ยที่ระดับใหม่ หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้น

 

ตัวอย่าง

กรณีที่ 1 : ลงทุนในตราสารหนี้อายุ 1 ปี ให้ผลตอบแทน 3.5% ต่อปี
กรณีที่ 2 : ลงทุนในตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทน 3.3% ต่อปี

 

หากเลือกลงทุนในกรณีที่ 1 ด้วยจำนวนเงิน 10,000 บาท เมื่อครบกำหนดอายุ (อีก 1 ปีข้างหน้า) จะได้รับผลตอบแทน 350 บาท (3.5% ของ 10,000) แต่หากเลือกลงทุนในกรณีที่ 2 ด้วยจํานวนเงิน 10,000 บาทเช่นกัน เมื่อครบกําหนดอายุ 6 เดือนข้างหน้าจะได้รับผลตอบแทน 165 บาท (3.3% ของ 10,000 หาร 2)

 

สมมติว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้น จะทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ปรับขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น การนําเงิน 10,165 บาท ที่ได้รับจากการลงทุนในกรณีที่ 2 ไปลงทุนต่ออีก 6 เดือนถัดไป (Roll Over) ที่ระดับอัตราผลตอบแทนใหม่ (สมมติว่าขยับไปอยู่ที่ระดับ 4% ต่อปี) จะได้รับผลตอบแทน 203.30 บาท (4.0% ของ 10,165 หาร 2)

 

ดังนั้น เมื่อนำมารวมกับผลตอบแทนเดิมที่ได้รับในช่วง 6 เดือนแรก พบว่าการลงทุนแบบ Roll Over 2 ครั้งใน 1 ปี ทําให้ได้รับผลตอบแทนรวม 368.30 บาท (165 + 203.30) ซึ่งสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้อายุ 1 ปีเพียงครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตาม การที่ลดอายุของตราสารหนี้ลง อาจทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตลงทุนลดลงไปบ้าง เพราะตราสารหนี้ระยะสั้น จะจ่ายผลตอบแทนไม่สูง เมื่อเทียบกับตราสารหนี้ระยะยาว ดังนั้น การจัดพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ในลักษณะนี้จะเป็นไปตามภาวะตลาด เพื่อรักษามูลค่าของพอร์ตลงทุน แปลว่าเมื่อเห็นสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่งก็ให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว    

 

สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนตราสารหนี้ สามารถเริ่มต้นจากการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะใช้เงินลงทุนน้อย มีสภาพคล่องสูง สะดวกในการซื้อขาย ซึ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น กองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (Money Market Fund) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะกองทุนรวมประเภทนี้จะเน้นลงทุนในตราสารระยะสั้นที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตั๋วเงินคลัง หรือตั๋วเงินที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชน โดยทั่วไปกองทุนรวมประเภทนี้มักประกอบไปด้วยตราสารที่มีอายุคงเหลือประมาณ 3 เดือนหรือน้อยกว่า อีกทั้ง ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักเงินลงทุนในช่วงสั้น ๆ และเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ไม่เสียโอกาสการลงทุนเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น

 

หากนักลงทุนเข้าใจในสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงและปรับพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ให้สอดคล้องกับภาวะดอกเบี้ย และรู้จักช่องทางการลงทุนจะสามารถลงทุนตราสารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจ เรียนรู้ลักษณะพื้นฐานของตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ การวิเคราะห์ราคาตราสารหนี้ ผลตอบแทน และความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ ตลอดจนวิธีซื้อขายตราสารหนี้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและสม่ำเสมอ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุนตราสารหนี้ฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: