เจาะลึกเครื่องหมาย CB สัญญาณเตือนที่นักลงทุนต้องรู้

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
12 มีนาคม 2568
1.28k views
TSI-Article-668-Inv-understanding-cb-warning-sign-investors-should-know
Highlights
  • เครื่องหมาย CB (Caution Business) เป็นสัญญาณเตือนนักลงทุนว่าบริษัทกำลังประสบปัญหาการเงินหรือผลดำเนินงาน

  • สาเหตุหลักมาจากส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่าเกณฑ์ ขาดทุนต่อเนื่อง รายได้ต่ำ หรือผิดนัดชำระหนี้ โดยบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB โดยส่วนใหญ่เกิดจากขาดทุน 3 ปีติดต่อกัน

  • หุ้นที่ติดเครื่องหมาย CB ต้องซื้อขายผ่านบัญชีแคชบาลานซ์ อาจทำให้สภาพคล่องลดลง ราคาผันผวน นักลงทุนควรศึกษาสาเหตุและติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาก่อนตัดสินใจลงทุน

เครื่องหมาย CB (Caution Business) เป็นเครื่องหมายเตือนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ใช้เพื่อแจ้งให้นักลงทุนทราบถึงสถานการณ์ที่บริษัทจดทะเบียนกำลังเผชิญปัญหาด้านฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน เครื่องหมายนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยนักลงทุนประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ติดเครื่องหมายดังกล่าว

 

การขึ้นเครื่องหมาย CB เป็นสัญญาณเตือนว่าบริษัทอาจมีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน เช่น การมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่ามาตรฐาน ผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง การผิดนัดชำระหนี้ หรือการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการหรือล้มละลาย โดยเครื่องหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจเผชิญจากการลงทุนในหุ้นที่มีปัญหา และช่วยเพิ่มความโปร่งใสในตลาดทุน โดยให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทอย่างชัดเจน

 

เมื่อหุ้นของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการซื้อขาย เช่น นักลงทุนจะต้องใช้บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) ในการซื้อขายหุ้นนั้น ซึ่งหมายความว่าต้องวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้น ข้อกำหนดนี้ช่วยลดโอกาสในการเก็งกำไรและควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากราคาหุ้นที่ผันผวน

 

ดังนั้น เครื่องหมาย CB มีความสำคัญต่อนักลงทุน เพราะเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานะของบริษัทที่อาจไม่มั่นคง จึงควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้บริษัทติดเครื่องหมาย CB และวิเคราะห์ความสามารถของบริษัทในการแก้ไขปัญหา เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ การเข้าใจถึงความหมายและผลกระทบของเครื่องหมาย CB จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและลดโอกาสในการเผชิญกับความเสียหายจากการลงทุนในหุ้นที่มีปัญหา

การขึ้นเครื่องหมาย CB

การปลดเครื่องหมาย CB

ส่วนของผู้ถือหุ้น < 50% ของทุนชำระแล้ว ในงบฉบับล่าสุด

ส่วนของผู้ถือหุ้น ≥ 50% ของทุนชำระแล้ว ในงบฉบับล่าสุด

ขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง 3 ปี จนทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบปีล่าสุด < 100% ของทุนชำระแล้ว

มีกำไรสุทธิ หรือมีส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่า ≥ 100% ของทุนชำระแล้ว ในงบปีล่าสุด

หน่วยงานกำกับดูแลของบริษัทที่เป็นสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย มีคำสั่งที่เปิดเผยเป็นการทั่วไป ให้แก้ไขฐานะการเงินหรือการดำเนินงานโดยให้ระงับการดำเนินการบางส่วนหรือไม่ให้ขยายธุรกิจเป็นการชั่วคราว และตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวมีนัยสำคัญต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน

แสดงได้ว่าได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานให้เป็นไปตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแล





-บริษัทหรือเจ้าหนี้ หรือหน่วยงานกำกับดูแลยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และศาลรับคำร้องไว้แล้ว

-บริษัทถูกเจ้าหนี้ยื่นฟ้องล้มละลายและศาลรับคำร้องไว้แล้ว

ศาลยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ หรือศาลยกคำฟ้องล้มละลาย หรือเจ้าหนี้ถอนคำฟ้องล้มละลาย


มีรายได้จากการดำเนินงานในงบปีล่าสุด < 100 ล้านบาท (SET) และ 50 ล้านบาท (mai)

มีรายได้จากการดำเนินงานในงวดสะสมหรือในปีล่าสุด ≥ 100 ล้านบาท (SET) และ 50 ล้านบาท (mai)

บริษัทหรือบริษัทย่อยผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงิน หรือผิดนัดชำระหนี้ หรือไม่สามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันตามนิติกรรมเกี่ยวกับการออกตราสารหนี้ /2 โดยกรณีของบริษัทย่อยจะพิจารณาเหตุผิดนัดชำระหนี้ที่มีมูลค่า ≥ 5% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท

แสดงได้ว่าได้แก้ไขปัญหาการผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินแล้ว หรือ ThaiBMAยกเลิกการขึ้นเครื่องหมายที่ตราสารหนี้ของบริษัทหรือบริษัทย่อย


สาเหตุของการติดเครื่องหมาย CB

ข้อมูล ณ 6 มีนาคม 2568 มีบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ทั้งสิ้น 86 บริษัท (รวม SET และ mai) โดยสาเหตุของการถูกขึ้นเครื่องหมายดังกล่าว มีดังนี้

  • ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 3 ปีติดต่อกันจนทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น < 100% ของทุนชำระแล้ว จำนวน 37 บริษัท
  • ส่วนของผู้ถือหุ้น < 50% ของทุนชำระแล้ว จำนวน 30 บริษัท
  • รายได้จากการดำเนินงานประจำปี < 100 ล้านบาท (SET) หรือ < 50 ล้านบาท (mai) สำหรับงบการเงินประจำปี จำนวน 11 บริษัท
  • ผิดนัดชำระหนี้ จำนวน 6 บริษัท
  • อื่น ๆ (ขาดทุนจากการลงทุนสุทธิประจำปี ไม่มีรายได้จากการดำเนินงาน) จำนวน 2 บริษัท  

 

สำหรับจำนวนสาเหตุต่อบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB พบว่า  

  • 42 บริษัท ติดเครื่องหมาย CB ด้วย 1 สาเหตุ
  • 13 บริษัท ติดเครื่องหมาย CB ด้วย 2 สาเหตุ
  • 5 บริษัท ติดเครื่องหมาย CB ด้วย 3 สาเหตุ
  • 1 บริษัท ติดเครื่องหมาย CB ด้วย 4 สาเหตุ

การวิเคราะห์บริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB แยกตามปี

ปี 2568 (ณ 6 มีนาคม 2568) จำนวน 56 บริษัท

  • สาเหตุหลัก มาจากส่วนผู้ถือหุ้น < 100% ของทุนชำระแล้ว จากผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 3 ปีติดต่อกัน
  • สาเหตุรอง มาจากรายได้จากการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์

ปี 2567 จำนวน 14 บริษัท

  • สาเหตุหลัก มาจากส่วนผู้ถือหุ้น < 50% ของทุนชำระแล้ว
  • สาเหตุรอง มาจากผิดนัดชำระหนี้ (4 รายการ)

ปี 2566 จำนวน 2 บริษัท โดยสาเหตุทั้งหมดมาจากส่วนผู้ถือหุ้น < 50% ของทุนชำระแล้ว

ผลกระทบของเครื่องหมาย CB ต่อการซื้อขายและราคาหุ้น

เมื่อหุ้นของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการซื้อขายและราคาหุ้นในหลายมิติ เนื่องจากเครื่องหมายนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาด้านฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและอาจส่งผลต่อการซื้อขายและราคาหุ้นในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงข้อจำกัดที่นักลงทุนต้องเผชิญ

ข้อจำกัดในการซื้อขาย

หนึ่งในผลกระทบที่สำคัญที่สุดของการขึ้นเครื่องหมาย CB คือ ข้อกำหนดให้หุ้นต้องซื้อขายผ่านบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) หมายความว่านักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้นจะต้องวางเงินสดเต็มจำนวนไว้กับโบรกเกอร์ก่อนทำการซื้อขาย ข้อกำหนดนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงในการเก็งกำไรและควบคุมความผันผวนของราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม ก็ส่งผลต่อประเด็น ดังนี้

  • ลดสภาพคล่องของหุ้น เนื่องจากนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย อาจไม่สามารถเข้าถึงเงินสดจำนวนมากได้ทันที ทำให้ปริมาณการซื้อขายลดลง
  • จำกัดกลุ่มนักลงทุน นักลงทุนที่ใช้การซื้อหุ้นด้วยบัญชีมาร์จิ้น (การกู้เงินมาลงทุน) จะไม่สามารถซื้อหุ้นดังกล่าวได้ ซึ่งส่งผลให้จำนวนผู้สนใจลงทุนลดลง
  • เพิ่มแรงกดดันต่อราคาหุ้น เมื่อสภาพคล่องลดลง หุ้นอาจเผชิญแรงกดดันจากแรงขายที่มากกว่าซื้อ โดยเฉพาะหากมีข่าวลบเพิ่มเติม

ผลกระทบต่อราคาหุ้นในระยะสั้น

การประกาศขึ้นเครื่องหมาย CB อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน เช่น หุ้น XYZ ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ราคาหุ้นปรับลดลงถึง 10% ในวันเดียว เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน ซึ่งการตอบสนองดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น หรือในกรณีอื่น ๆ ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB หลังผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงทันทีหลังจากข่าวประกาศออกมา โดยการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในระยะสั้นนี้มักเกิดจาก

  • แรงขายจากนักลงทุนที่กังวลต่อสถานการณ์ นักลงทุนอาจเลือกที่จะขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง
  • การลดอันดับเครดิตหรือคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ นักวิเคราะห์อาจปรับลดคำแนะนำหรือเป้าหมายราคา ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเพิ่มเติม
  • การเก็งกำไรที่ลดลง ข้อกำหนดบัญชีแคชบาลานซ์ทำให้นักเก็งกำไรไม่สามารถเข้ามาซื้อขายได้

ผลกระทบต่อราคาหุ้นในระยะยาว

ในระยะยาว ราคาหุ้นที่ติดเครื่องหมาย CB มักเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่อง หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทมีปัญหารุนแรง เช่น การผิดนัดชำระหนี้ หรือการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ นักลงทุนอาจมองว่าบริษัทมีโอกาสถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับลดลงไปอีก อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จและได้รับการปลดเครื่องหมาย CB ราคาหุ้นก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น หลังได้รับข่าวดี

ความเสี่ยงจากการถูกเพิกถอนหลักทรัพย์

หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายในระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด หุ้นอาจเข้าสู่เกณฑ์ “อาจถูกเพิกถอน” ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อราคาหุ้น นักลงทุนส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงการลงทุน เช่น หุ้นบางตัวที่ติดเครื่องหมาย CB ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ราคาอาจปรับลดลงต่อเนื่อง และไม่มีสภาพคล่องในการซื้อขาย

ความผันผวนและความไม่แน่นอน

หุ้นที่ติดเครื่องหมาย CB มักมีความผันผวนสูง เนื่องจาก

  • ข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัท เช่น การเจรจาชำระหนี้หรือแผนฟื้นฟูกิจการ อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นทันที
  • นักลงทุนอาจเก็งกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อมีข่าวดี แต่ราคาอาจปรับลดลงอีกครั้ง หากไม่มีพัฒนาการเชิงบวกเพิ่มเติม

สำหรับโอกาสในการฟื้นตัวของราคาจะมีหรือไม่นั้นก็ต่อเมื่อบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาและได้รับการปลดเครื่องหมาย CB โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะของปัญหาที่ได้รับการแก้ไข (หากเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน การตอบสนองของตลาดมักจะเป็นบวกมากกว่าการแก้ไขเพียงเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ในระยะสั้น) หรือความเชื่อมั่นในผู้บริหารและแผนธุรกิจ (หากบริษัทมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือผู้บริหารที่สร้างความเชื่อมั่นในทิศทางใหม่ ราคาหุ้นอาจมีการตอบสนองเชิงบวกมากขึ้น)

บทสรุป

เครื่องหมาย CB ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการซื้อขายและราคาหุ้น ทั้งในด้านข้อจำกัดในการซื้อขายผ่านบัญชีแคชบาลานซ์ การลดสภาพคล่อง และแรงกดดันต่อราคาที่เกิดจากความกังวลของนักลงทุน โดยในระยะสั้น ราคาหุ้นอาจปรับลดลงหลังประกาศขึ้นเครื่องหมาย ส่วนในระยะยาว ราคาจะขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทในการแก้ไขปัญหา หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา ความเสี่ยงที่จะถูกเพิกถอนจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนต้องหลีกเลี่ยง

 

สำหรับนักลงทุน การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทและประเมินโอกาสในการแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจะถือครองหรือหลีกเลี่ยงหุ้นที่ติดเครื่องหมาย CB โดยติดตามรายชื่อหุ้นที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ได้จากระบบเทรด Streaming โดยเครื่องหมายเหล่านี้จะอยู่ท้ายชื่อหุ้นแต่ละตัว หรือดูได้จากเมนู Market Alert จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขเหตุนั้น ๆ จากการจัด Public Presentation ของบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB และรายงานผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูล



แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน