ถ้าเอ่ยถึงการลงทุนที่ได้รับความนิยมและพูดถึงกันมากติดอันดับต้น ๆ ในปีที่ผ่านมา คือ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ซึ่งความนิยมที่มากขึ้นนี้ ทำให้เห็นพัฒนาการเชิงบวกเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้อนุมัติให้จัดตั้งกองทุน Bitcoin ETF ขณะที่ธนาคาร Sygnum Bank ในสวิสเซอร์แลนด์ได้มีการเสนอบริการรับฝากเหรียญ Ethereum โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับ 7% ต่อปี
ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลมีหลายประเภท ที่นักลงทุนไทยคุ้นเคยและสามารถเลือกลงทุนได้ คือ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เช่น Bitcoin, Ethereum เป็นต้น ต่อมา คือ โทเคนดิจิทัล (Digital Token) ได้แก่ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) เช่น SiriHub ที่เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อนำไปลงทุนให้ได้มาซึ่งกระแสรายรับจากกลุ่มอาคารสำนักงาน สิริ แคมปัส และโทเคนเพื่อแสดงสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าและบริการหรือสิทธิอื่น ๆ (Utility Token) เช่น เหรียญที่ให้สิทธิสำหรับผู้ถือครองในการได้ส่วนลดการเข้าพักโรงแรม สิทธิในการโดยสารรถไฟฟ้า เป็นต้น
สำหรับเทคนิคการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ข้อมูลจาก SCB 10X ได้แนะนำการลงทุนไว้ 3 รูปแบบ
1. Spot Trading
เป็นกระบวนการในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือธุรกรรมที่เกิดขึ้นในตลาดซื้อขายทันที โดยที่สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum จะถูกโอนโดยตรงระหว่างผู้เข้าร่วมตลาด (ผู้ซื้อและผู้ขาย) และการซื้อขายในตลาด Spot นักลงทุนจะได้เป็นเจ้าของเหรียญนั้น ๆ เช่น หากซื้อ Bitcoin ก็จะได้ Bitcoin มาอยู่ใน Wallet ของตัวเอง จากนั้นนักลงทุนก็สามารถเลือกวิธีการทำกำไรได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะขายทำกำไรระยะสั้นหรือเก็บเหรียญไว้เก็งกำไรในระยะยาว
2. Leverage
เป็นการยืมสินทรัพย์ในจำนวนที่มากขึ้นกว่าที่นักลงทุนมีอยู่จากระบบเพื่อทำการเทรดในสินทรัพย์นั้น ๆ โดยมีความแตกต่างจากการซื้อขายปกติ และเป็นที่นิยมมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะการลงทุนด้วยวิธีนี้จะช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงเงินทุนได้ในจำนวนที่มากขึ้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรได้มากกว่าปกติเมื่อทำการเทรดสำเร็จ ซึ่งในกรณีที่ขาดทุนก็จะขาดทุนมากกว่าปกติเช่นกัน
3. การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment: VI)
เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสินทรัพย์หรือหุ้นที่มีการซื้อขายน้อยกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือหมายถึงลงทุนโดยการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ที่จะลงทุน ซึ่งนักลงทุนที่ลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะพยายามค้นคว้าหาข้อมูลของสินทรัพย์ที่พวกเขาคิดว่าตลาดประเมินค่าสินทรัพย์นั้นต่ำเกินไป อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเรื่องยากที่จะใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เนื่องจากไม่มีงบการเงิน (Financial Statements) ให้ดู แต่ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีก็มีปัจจัยพื้นฐานเฉพาะของบริษัทที่นักลงทุนสามารถดูเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจได้เช่นกันว่าแต่ละโครงการทำอะไรบ้าง ซึ่งพื้นฐานสำคัญในการพิจารณาโครงการในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ได้แก่ White Paper, Community, ความสำเร็จและแผนงาน รวมถึงในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เริ่มมีจำนวน ICO (Initial Coin Offering) ที่เข้ามาในพื้นที่นี้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโทเคอร์เรนซีสามารถทำความเข้าใจได้ดีขึ้นว่าโครงการที่ประสบความสำเร็จควรมีลักษณะเป็นอย่างไร
เครื่องมือลดความเสี่ยง
นักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอาจพบปัญหาที่จะต้องเข้าใช้งานในหลากหลายแพลตฟอร์มเพื่อดูพอร์ตที่ไปลงทุน โดยปกตินักลงทุนจะลงทุนในหลาย Protocols หรือหลายฟาร์ม และหลาย Chain อีกทั้ง ยังเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ใน Wallet มากกว่า 1 ที่ ซึ่งกระจัดกระจายและยากต่อการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อการลงทุน
เมื่อต้องการวางแผนการลงทุนก็ต้องรวบรวมสินทรัพย์ที่มีแบบ Manual เช่น บันทึกลงในโปรแกรม Excel ทำให้เสียเวลาและต้องใช้ความรอบคอบสูง รวมถึงนักลงทุนไม่สามารถตัดสินใจลงทุนได้ทันที ในขณะที่การลงทุนในตลาด DeFi เป็นการลงทุนที่แข่งขันกับเวลาที่นักลงทุนต้องซื้อขายเร็ว
ดังนั้น การที่ได้เห็นทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดภายใน Platform เดียว สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยมีบาง Platform รวบรวมพอร์ตการลงทุนใน DeFi และแสดงผลในรูปแบบ Dashboard เพื่อดูรายละเอียดการลงทุนของทุก Chain ที่ได้ฟาร์มไว้ในแต่ละ Protocol ได้ในที่เดียว พร้อมกับมีฟีเจอร์อีกมากมายที่ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงเนื้อหาจากบทความ “รู้จักรูปแบบการลงทุนใน Digital Assets และ Platform” โดย SCB 10X และบทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน