ตลาดหุ้นคือสนามรบแห่งโอกาสและความท้าทาย บทความนี้จะพาไปดูเคล็ดลับความสำเร็จของ “เสี่ยป๋อง” วัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ ผู้พิสูจน์ว่า “กราฟไม่เคยหลอกใคร” จากการขาดทุนหนักเพราะพึ่งพาคำแนะนำจากคนอื่น สู่ความสำเร็จด้วยการใช้กราฟวิเคราะห์ตลาด และกลยุทธ์ Hybrid Investor ที่ผสมผสานการวิเคราะห์พื้นฐานและเทคนิคอลอย่างลงตัว
เส้นทางการลงทุนของเสี่ยป๋องเริ่มต้นด้วยความสำเร็จเล็ก ๆ ในช่วงแรก ดัชนีตลาดหุ้นพุ่งสูงจาก 700 จุด ไปถึง 1,700 จุด เขาได้รับกำไรในปีแรก แต่หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย กว่า 8-9 ปี ที่เขาขาดทุนอย่างหนัก เขาอธิบายว่า ตอนนั้นเขาเหมือนใช้ “หู” เป็นหลัก ใช้หูในการเล่นหุ้น พึ่งพาข้อมูลจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้แนะนำการลงทุน นักวิเคราะห์ แม่ของเพื่อน หรือข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีจำกัดและเข้าถึงยากในยุคนั้น (ต่างจากปัจจุบันที่ข้อมูลมีมากมายผ่านอินเทอร์เน็ตและมือถือ) การพึ่งพาข้อมูลจากคนอื่นและขาดความรู้ความเข้าใจทำให้เขาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
ความท้อแท้มีอยู่จริง แต่ความจำเป็นในการหาเลี้ยงครอบครัวและความปรารถนาที่จะเอาชนะ ผลักดันให้เขาไม่ยอมแพ้ แม้จะขาดทุนจากการลงทุน เขายังคงทำงานช่วยขายของในร้านวัสดุก่อสร้างของผู้เป็นพ่อ และจุดพลิกผันเกิดขึ้นในขณะที่เขาช่วยชั่งตะปูให้ช่างที่มาซื้อของ เขาคิดคำนวณว่าต้องขายตะปูกี่กิโลกรัมถึงจะได้เงินคืนจากการขาดทุนในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ความคิดนี้จุดประกายให้เขาหันมาศึกษาเทคนิคอลอย่างจริงจัง
โดยเริ่มต้นจากการเรียนรู้การใช้กราฟเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของตลาด เนื่องจากเขามีความจำที่ดี เขาสามารถไล่เรียงเหตุการณ์ในอดีตและพบว่า กราฟสามารถบอกเล่าเรื่องราวของตลาดได้อย่างชัดเจน ทำให้เขาค้นพบวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเองในที่สุด และสามารถกลับมามีกำไรได้ในปีที่ 11 นับเป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาดและความพยายามอย่างไม่ย่อท้อที่นำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด
ความสำเร็จในปีที่ 11 ไม่ได้เกิดจากโชคช่วย แต่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด และการค้นพบความจริงที่ซ่อนอยู่ใน “กราฟ” เสี่ยป๋องได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญ นั่นคือ “กราฟไม่เคยหลอกใคร นอกเสียจากหลอกตัวเอง”
เขาพบว่า กราฟเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง บันทึกการซื้อขายของนักลงทุนทุกคน สะท้อนความโลภ ความกลัว และความคาดหวัง ที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น กราฟจึงไม่ใช่แค่เส้นกราฟ แต่เป็นเหมือนภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของตลาดและความจริงที่ซ่อนอยู่ หากเราเข้าใจวิธีการอ่านและวิเคราะห์กราฟอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เราสามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ และตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เสี่ยป๋องเปรียบเทียบกราฟกับ “ผลเลือด” หากผลเลือดดี แสดงว่าสุขภาพแข็งแรง กราฟก็เช่นเดียวกัน กราฟที่ดีบ่งบอกถึงโอกาสที่ดีในการลงทุน
สิ่งที่ทำให้กราฟ “หลอก” คนได้ ไม่ใช่เพราะกราฟโกหก แต่เพราะมนุษย์มักจะหลอกตัวเอง ด้วยความเชื่อ ความคาดหวัง หรือการยึดติดกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และขาดวินัย ทำให้มองข้ามสัญญาณเตือนจากกราฟและลงทุนอย่างไม่รอบคอบ การขาดวินัยในการปฏิบัติตามแผนการลงทุน ยิ่งทำให้ความผิดพลาดรุนแรงมากขึ้น เสี่ยป๋องจึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้ การวิเคราะห์ และมีวินัยในการลงทุน การใช้กราฟควบคู่ไปกับความรู้ความเข้าใจและวินัย จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นและไม่ถูก “หลอก” โดยตัวเอง
ความสำเร็จของเสี่ยป๋องไม่ได้มาจากการพึ่งพาเพียงศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental) และการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical) หรือที่เขานิยามตัวเองว่า “Hybrid Investor”
ในช่วงเริ่มต้น เขามุ่งเน้นการวิเคราะห์พื้นฐาน อ่านข่าว ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ และคำแนะนำจากคนรอบข้าง แต่ด้วยข้อจำกัดของข้อมูลและความไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงนำไปสู่ความสูญเสียอย่างหนัก
การศึกษาเทคนิคอล โดยเฉพาะการวิเคราะห์กราฟ จึงเป็นเสมือนการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป การวิเคราะห์กราฟช่วยให้เขา “รู้เวลา” ที่เหมาะสมในการซื้อขาย (Timing) ส่วนการวิเคราะห์พื้นฐาน แม้จะไม่ลึกซึ้ง แต่ก็ช่วยให้เขา “รู้ราคา” ที่เหมาะสม (Valuation) การผสมผสานทั้งสองศาสตร์เข้าด้วยกัน จึงเปรียบเสมือนการขับรถไปสู่จุดหมายปลายทาง โดย Fundamental คือการเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ส่วน Technical คือการเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ไปถึงจุดหมายได้สำเร็จ
เสี่ยป๋องเปรียบเทียบการลงทุนแบบ Hybrid กับการเดินทาง การเลือกหุ้นที่ดีเปรียบเสมือนการเลือกเส้นทางที่ดี แต่หากเลือกจังหวะเวลาไม่ดี ก็อาจจะไปไม่ถึงจุดหมาย หรือไปถึงช้ากว่าคนอื่น เช่นเดียวกัน การเลือกหุ้นที่ดีแต่จังหวะเวลาในการซื้อขายไม่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้ไม่ได้กำไร หรือได้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น การเป็น Hybrid Investor จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตการลงทุน
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่า แม้จะเป็นวิธีที่ดี แต่ก็ไม่รับประกันความสำเร็จ 100% เพราะตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนสูง และมีปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ เช่น เหตุวินาศกรรม 9/11 ที่ทำให้พอร์ตการลงทุนของเขาเสียหายอย่างรวดเร็ว แม้จะเตรียมตัวมาดีเพียงใด ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ นักลงทุนรุ่นใหม่จึงควรเผื่อใจและเตรียมรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ อยู่เสมอ
ประสบการณ์กว่า 30 ปีของเสี่ยป๋องในตลาดหุ้น ได้เผชิญทั้งความรุ่งเรือง วิกฤติเศรษฐกิจ ความล้มเหลว และโอกาสมากมาย เขาเน้นย้ำว่า ทักษะที่สำคัญที่สุด คือ “วินัย” และ “การบริหารความเสี่ยง” คือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จในตลาดที่ผันผวนได้อย่างยาวนาน
ในช่วงแรก การขาดประสบการณ์และวินัย ทำให้เขาประสบความสูญเสียอย่างหนักจากวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่หลังจากนั้น เขาได้พัฒนาตัวเอง โดยการเรียนรู้การวิเคราะห์กราฟและสร้างระบบการลงทุนที่เข้มงวดและมีวินัย เมื่อตลาดมีสัญญาณอันตราย เช่น ในช่วงวิกฤติซับไพรม์และวิกฤติโควิด-19 เขาสามารถลดความเสียหายและป้องกันความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการลดพอร์ตหรือถือเงินสดรอ จนกระทั่งตลาดฟื้นตัว
เสี่ยป๋อง เน้นย้ำว่าการเป็น Hybrid Investor คือการใช้ทั้ง Fundamental และ Technical แต่ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับวินัยและการบริหารความเสี่ยง การปฏิบัติตามแผนการลงทุนอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญ การประสบความสำเร็จไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันขาดทุน แต่หมายถึงการรู้จักบริหารความเสี่ยงและการมีวินัยที่จะช่วยให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว ความมั่นใจที่มากเกินไปเป็นสิ่งที่อันตราย ควรคิดเสมอว่าตัวเองยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาอยู่เสมอ และอย่าประมาทเพราะตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนสูง
ความสำเร็จนำมาซึ่งความมั่นใจ แต่ความมั่นใจที่มากเกินไป หรือที่เรียกว่า “อีโก้” กลับเป็นอันตราย เสี่ยป๋องย้ำว่า การคิดว่าตัวเองเก่ง คือจุดเริ่มต้นของความพ่ายแพ้ เขาเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้กำไรถึง 500% ในปีเดียว แต่ความสำเร็จนั้นกลับทำให้เขามีอีโก้ และลงทุนอย่างประมาท
ผลที่ตามมาคือ การขาดทุนอย่างหนักในอีก 2 ปีต่อมา บทเรียนนั้นสอนให้เขาเข้าใจว่า ความสุขจากความสำเร็จนั้นแสนสั้น และความมั่นใจที่มากเกินไปจะนำไปสู่ความพินาศได้เสมอ ดังนั้น นักลงทุนจึงควรระลึกไว้เสมอว่า ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนสูง และความรู้ความสามารถของเราไม่ใช่สิ่งที่รับประกันความสำเร็จได้ การเรียนรู้ การปรับตัว และความอ่อนน้อมถ่อมตน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
โลกการลงทุนในยุคปัจจุบัน มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีทั้งเทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีการลงทุนใหม่ ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาด นักลงทุนจึงต้องปรับตัวให้ทัน ศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังมิจฉาชีพ ที่มักจะใช้ความโลภ ความหวัง และความไม่รู้ของนักลงทุน เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง เสี่ยป๋องเตือนว่า ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ และการลงทุนต้องอาศัยความรู้ ความพยายาม และความอดทน อย่าหลงเชื่อคำพูดสวยหรู หรือการรับประกันผลกำไรที่ดูเกินจริง ควรศึกษาข้อมูล ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนตัดสินใจลงทุน
เสี่ยป๋อง ย้ำหนักแน่นว่า เขาไม่มีคอร์สสอนการลงทุนและไม่รับจ้างบริหารพอร์ต การแอบอ้างชื่อของเขา เพื่อหลอกลวงผู้อื่นถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เขาแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างเปิดเผย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะเชื่อว่าไม่มีใครสามารถทำให้ผู้อื่นร่ำรวยได้ นอกจากตัวของพวกเขาเอง
บทสัมภาษณ์ของเสี่ยป๋อง สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้ การอดทน และการมีวินัยในการลงทุน การใช้กราฟในการวิเคราะห์ และการผสมผสานทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และการมีวินัย ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความเสี่ยงและสร้างความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน
เสี่ยป๋องทิ้งท้ายด้วยการให้กำลังใจและแบ่งปันแรงบันดาลใจแก่นักลงทุนรุ่นใหม่ เขาเล่าถึงเส้นทางการลงทุนของตัวเอง จากเด็กบ้านนอกที่มีความฝัน สู่ความสำเร็จในตลาดหุ้น แม้จะใช้เวลาถึง 11 ปี กว่าจะค้นพบวิธีการลงทุนที่เหมาะสม แต่ความมุ่งมั่นและความพยายาม ก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จในที่สุด เขาเชื่อว่า ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ หากมีความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ลองทำดู แล้วก็เลิกไป
ชมคลิปสัมภาษณ์สุด Exclusive เปิดใจ เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนระดับตำนาน เผยเคล็ดลับความสำเร็จกว่า 30 ปี ในซีรีส์ “วันที่การลงทุนเปลี่ยนชีวิต” ได้ที่นี่