ทุกคนที่ลงทุนกันมานาน คงจะเคยผ่านเหตุการณ์ช่วงที่ราคาหุ้น ทอง หรือกองทุนของเรากำไรขึ้นแรง ช่วงราคาทรง ๆ ทำให้เซ็ง ๆ และช่วงที่ราคาตกต่ำกันมาแล้วทุกคน ช่วงที่เรากำไรดี คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในทางตรงข้าม ช่วงที่ขาดทุน แทบทุกคนก็จะเครียดและทุกข์ร้อนใจ และถ้าหากเป็นกรณีหุ้นของคนอื่นขึ้นกันทั้งนั้นแต่หุ้นของเราดันลง แบบนี้จะทุกข์ระทมเป็นที่สุด แล้วที่แย่สุด ๆ คือตอนที่ทุกข์ระทมมาเป็นปีหรือหลายปี จนรู้สึกทนทุกข์ไม่ไหวแล้ว หรือตกผลึกความคิดแล้วว่าหุ้นของเรามันหมดอนาคตจริง ๆ ก็เลยขายทิ้ง แต่หลังจากนั้นไม่นาน หุ้นของเรากลับวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แบบเดียวกับหุ้นไทยและหุ้นจีนในไตรมาส 3 ปี 2567
ที่จริงนั้น มีวิธีการปิดโชคร้ายสุดขีดแบบนี้ได้ด้วยการกระจายการลงทุน ซึ่งดีที่สุดคือการกระจายระดับประเภทสินทรัพย์การลงทุน (Asset Allocation) และรองลงมาคือการกระจายภายในประเภทสินทรัพย์ เช่น ในพอร์ตหุ้นไทยก็ให้กระจายลงทุนในหลายธุรกิจที่พิจารณาไตร่ตรองมาแล้วว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่ดี อาจมีนักลงทุนบางคนโต้แย้งแนวคิดของการกระจายการลงทุนว่า มันปิดโชคร้ายก็จริง แต่ก็จะทำให้โอกาสร่ำรวยสุดขีดหายไปด้วย โดยเขาอาจคิดว่า ถ้าเราเลือกได้ถูกต้องแม่นยำ ก็ควรจะเน้น ๆ ไปที่เดียวหรือหุ้นเดียวจะดีที่สุด ซึ่งประเด็นถูกปิดโอกาสจะร่ำรวยสุดขีดแบบไปเจอหุ้นที่ขึ้น 2-3 เท่าตัวในเวลาไม่กี่ปีก็อาจจะจริง แต่คำถาม คือ มีหุ้นกี่ตัวใน 900 ตัวที่จะขึ้นได้ 2-3 เท่าตัว และจะมั่นใจอย่างไรว่าเราจะคาดถูกเป๊ะ ๆ ถึงขนาดทุ่มไปที่ตัวเดียว ซึ่งจากเหตุการณ์จริง นักลงทุนหลายคนไปลงทุนตามที่บรรดาเซียนลงทุนสอนหรือแนะนำเอาไว้ ก็มีหลายครั้งที่กลับขาดทุนด้วยซ้ำไป กลายเป็นระทมทุกข์หนักกว่าเดิมเพราะตั้งความคาดหวังไว้สูงมาก
การกระจายการลงทุนนั้น ปิดโอกาสโชคร้ายสุดขีดและปิดโอกาสโชคดีสุดขีดไปพร้อมกัน โดยจะทำให้เข้าใกล้ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนการลงทุนอันพึงจะมีมากขึ้น ซึ่งจากข้อเท็จจริงและจากสถิติจริง ผลตอบแทนจากสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (ไม่รวมตลาดล่วงหน้า) มีค่าเป็นบวก ไม่ใช่ Zero-Sum Game การกระจายการลงทุนจึงช่วยให้มีโอกาสแน่นอนมากขึ้นที่จะได้ผลตอบแทนเป็นบวก
แต่กระนั้นก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนก็ยังเหลือโอกาสอยู่บ้างที่บางปีจะโชคร้ายระดับปานกลาง แต่ก็จะไม่หนักหนาเหมือนทุ่มลงทุนสินทรัพย์เดียว และยิ่งถ้าเราจัดพอร์ตกระจายไปลงทุนสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อย เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ชั้นดี (ไม่ใช่หุ้นกู้อันดับต่ำที่จ่ายดอกเบี้ยสูง) ให้มากหน่อย ก็จะยิ่งทำให้โอกาสขาดทุนลดน้อยลงเสมือนปิดไปได้เลย
วันนี้ขอนำตัวเลขจริงของสินทรัพย์การลงทุน 4 อย่างที่คุ้นเคยกันดี ในระยะ 7 ปีล่าสุด รวมถึงตัวเลขจากการกระจายการลงทุนหลายรูปแบบมาเปรียบเทียบให้เห็นผลตอบแทนและความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน ได้ตัวเลขตามตาราง โดยก่อนจะอ่านตาราง ผมขอชี้แจงการจัดทำข้อมูลเป็นตารางเปรียบเทียบก่อนนะครับ เพราะหากนำไปไว้หมายเหตุตอนท้าย ผู้อ่านจะไม่ทันได้อ่าน
คุณสมบัติของสินทรัพย์การลงทุนแต่ละประเภทรวมทั้งข้อมูลผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงใน 7 ปีล่าสุดมีดังนี้
พิจารณาการลงทุนเน้นอย่างเดียวกับกระจายการลงทุน
สรุปแล้ว ผลทดสอบการกระจายการลงทุนแบบง่าย ประเภทสินทรัพย์ละ 25% ตัวเลขผลตอบแทนการลงทุนใน 7 ปีที่ผ่านมาข้างต้น พบว่า สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและช่วยลดความผันผวนลงมาได้ระดับหนึ่ง จึงช่วยปิดโชคร้าย ไม่ให้ต้องทุกข์ระทมจากการขาดทุนหนักในบางสินทรัพย์และบางปี
เทคนิคการกระจายการลงทุน
เลือกตัวชี้วัดการลงทุนที่เหมาะสม
การวัดผลการลงทุนที่ดีนั้น ต้องเลือก Benchmark หรือตัวชี้วัดผลการลงทุนเทียบกับมาตรฐานที่เหมาะสมมาใช้เทียบกับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นของสินทรัพย์การลงทุน เช่น