ลองนึกภาพว่าชีวิตคุณคือจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ แต่ละชิ้นส่วนคือความสำเร็จ ความสุข และความมั่งคั่งที่คุณปรารถนา แต่คุณจะต่อภาพนั้นให้สมบูรณ์ได้อย่างไร? บทความนี้จะพาไปดูมุมมองการลงทุนที่เปลี่ยนชีวิตของ คุณหลิน วีระพงษ์ ธัม อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) นักลงทุนผู้มองตลาดหุ้นเป็นเสมือนร้านจิ๊กซอว์ยักษ์ ที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนมากมาย แต่ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับการคว้าชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่ง แต่ต้องเริ่มต้นจากการเห็นภาพใหญ่ หรือเป้าหมายในชีวิตก่อน
คุณหลินเปรียบเทียบการลงทุนกับการต่อจิ๊กซอว์ โดยมองว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปรียบเสมือนร้านจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ ที่มีชิ้นส่วนมากมายให้เลือกสรร การลงทุนไม่ได้เริ่มต้นจากการเลือกหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทน แต่เริ่มจากการกำหนดภาพอนาคตที่ต้องการ เช่นเดียวกับการเลือกภาพก่อนเริ่มต่อจิ๊กซอว์ ต้องมองเห็นภาพใหญ่ก่อนว่า เราอยากได้ชีวิตแบบไหน เช่น ต้องการมีอิสรภาพทางการเงิน หรือมีชีวิตหลังเกษียณที่ดี จากนั้นจึงค่อยเลือกชิ้นส่วน (หุ้น) ที่จะมาช่วยต่อภาพนั้นให้สมบูรณ์
โดยก่อนจะลงมือเลือกหุ้น คุณหลินเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความรู้พื้นฐาน ซึ่งเปรียบเสมือนการจัดกลุ่มชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ก่อนเริ่มต่อ คุณหลินเรียกขั้นตอนนี้ว่า “ชิ้นส่วนที่ 0” และห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์ฯ คือแหล่งเรียนรู้สำคัญของคุณหลิน เขาใช้เวลาอ่านหนังสือเกี่ยวกับทฤษฎีการลงทุน หลักการบัญชี ทฤษฎีการแข่งขัน และกลยุทธ์ธุรกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจ และแยกแยะความรู้ต่าง ๆ เหมือนการแยกชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ตามสีและรูปทรง การลงทุนในช่วงเริ่มต้นจึงอาจดูช้าและเหนื่อยยาก แต่เป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง การเริ่มต้นด้วยความรู้ที่แน่นอนเปรียบเสมือนการวางรากฐานที่มั่นคง ก่อนจะเริ่มต่อจิ๊กซอว์ชิ้นแรก
ส่วนกระบวนการลงทุนเปรียบเสมือนการค่อย ๆ ต่อจิ๊กซอว์ บางครั้งอาจพบกับชิ้นส่วนที่ยากต่อการค้นหา หรือต่อเข้าไปแล้วไม่ลงตัว ซึ่งเหมือนกับการลงทุนที่อาจขาดทุน โดยมองว่าการขาดทุนเป็นบทเรียนสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ยิ่งผ่านประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจกลไกการทำงานของตลาดหุ้นมากขึ้น และสามารถต่อจิ๊กซอว์ได้เร็วและแม่นยำขึ้น
และความสุขระหว่างทาง คือการค้นพบธุรกิจใหม่ ๆ หรือไอเดียการลงทุนใหม่ ๆ ที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและมีแรงขับเคลื่อน ทำให้กระบวนการลงทุนที่ยาวนานกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจและท้าทาย เสมือนการค้นหาชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่หายากและสำคัญ ซึ่งเมื่อต่อเข้าไปแล้วจะทำให้ภาพใหญ่สมบูรณ์มากขึ้น
เส้นทางการลงทุนเปรียบเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ แม้วางแผนรอบคอบ เตรียมความรู้พื้นฐาน (“ชิ้นส่วนที่ 0”) อย่างดี ก็ยังอาจพบความท้าทาย เช่น ความผันผวนของตลาด ที่นำไปสู่การขาดทุน ซึ่งเปรียบได้กับการเจอชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่ไม่ลงตัว หรือหาตำแหน่งที่ถูกต้องไม่ได้ คุณหลิน ผู้มีประสบการณ์ลงทุนกว่า 20 ปี ได้เผชิญกับการขาดทุนถึง 50% และประสบการณ์ที่แม้กระทั่ง “พลาดหุ้น 10 เด้ง” ซึ่งแม้เจ็บปวด แต่กลับเป็นบทเรียนล้ำค่า ที่ตอกย้ำว่า ความไม่แน่นอนของตลาดเป็นเรื่องปกติ และนี่ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นโอกาสทองในการเรียนรู้
คุณหลินไม่มองข้ามความล้มเหลว แต่ใช้มันเป็นครู เขาจดบันทึกความผิดพลาดใน “Worksheet” วิเคราะห์หาสาเหตุอย่างละเอียด เหมือนตรวจสอบชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่ไม่ลงตัวว่าเกิดจากอะไร เขาใช้ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด (เช่น การขาดทุนในวิกฤตซับไพรม์) เพื่อปรับกลยุทธ์และการลงทุนในอนาคต เขาไม่ได้แค่เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนั้น ๆ แต่ยังเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเสี่ยงและพัฒนาความเข้าใจในกลไกของตลาดหุ้นอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนการค่อย ๆ ปรับแต่งชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ จนได้ชิ้นส่วนที่ลงตัวและภาพใหญ่เริ่มชัดเจนขึ้นTop of Form
นอกเหนือจากการวิเคราะห์เชิงลึก คุณหลินเน้นย้ำถึงความสำคัญของกำลังใจและทัศนคติที่ดี การขาดทุนย่อมนำมาซึ่งความเครียด แต่การยอมแพ้ หรือการ “ปิดจอ” ไม่ใช่ทางออก เพราะความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เขาเปรียบการยอมแพ้ เป็นเหมือนการทิ้งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ทำให้ภาพไม่สมบูรณ์ เขาจึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของกำลังใจ การรักษาจิตใจให้พร้อมสู้ต่อไป และการมองวิกฤตเป็นโอกาส เพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง นี่คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และบรรลุเป้าหมายในระยะยาว
คุณหลินแบ่งประสบการณ์การลงทุน 20 ปี ออกเป็น 2 ช่วง สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวและการมองหาโอกาสใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการต่อจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ในช่วง 10 ปีแรก ตลาดหุ้นไทยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของชนชั้นกลาง และการเกิดขึ้นของธุรกิจใหม่ ๆ ในช่วงนี้ คุณหลินใช้กลยุทธ์เลือก “หุ้นซูเปอร์สต๊อกชุดที่ 1” เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจไทย เช่น ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ โรงพยาบาลเอกชน และธุรกิจบริการใหม่ ๆ Playbook นี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก และช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณหลิน แต่เขาก็ตระหนักดีว่า กลยุทธ์ใด ๆ ก็ตาม หากยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ อาจไม่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวได้ เพราะบริบททางเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เปรียบเสมือนภาพจิ๊กซอว์ที่เปลี่ยนไป หากเรายังใช้ชิ้นส่วนเดิม ๆ ภาพก็จะไม่สมบูรณ์
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คุณหลินจึงปรับกลยุทธ์การลงทุน หรือ Playbook ใหม่ โดยเน้นสองประเด็นหลัก
แทนที่จะเน้นลงทุนในบริษัทไทยเพียงอย่างเดียว คุณหลินเริ่มมองหาโอกาสจากทั่วโลก บริษัทที่เขานิยมลงทุน คือบริษัทที่มีลูกค้าทั่วโลก ไม่จำกัดอยู่แค่คนไทย 70 ล้านคน แต่เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นมองไกลถึงตลาดโลกที่ 7,000 ล้านคน กลยุทธ์นี้เปรียบเสมือนการมองหาชิ้นส่วนจิ๊กซอว์จากหลาย ๆ กล่อง เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และมีความหลากหลายมากขึ้น
คุณหลินมองเห็นโอกาสสำคัญในตลาดหุ้นไทย ที่เปรียบเสมือน “เพชรที่ยังไม่เจียระไน” มีศักยภาพสูง แต่ยังไม่ได้รับการนำเสนอให้โลกได้เห็นอย่างเต็มที่ ความสำเร็จในการลงทุน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการเลือกตลาดที่ใช่ และการมองเห็นโอกาสในการเติบโต
คุณหลินตั้งข้อสังเกตว่า คนไทยมักมองประเทศตัวเองในแง่ลบ โดยเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่หากมองอย่างละเอียด จะพบว่าประเทศไทยมีจุดแข็งที่โดดเด่นหลายประการ ซึ่งประเทศอื่น ๆ อาจไม่มี เช่น อาหารที่หลากหลายและอร่อย สังคมที่เปิดกว้าง และความเป็นมิตร รวมทั้งความปลอดภัย และการเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงกับประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ เช่น จีนและอินเดีย นี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญ ที่สามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มได้
อย่างไรก็ตาม จุดแข็งเหล่านี้ยังไม่ได้รับการนำเสนออย่างเต็มที่ ตลาดหุ้นไทยจึงเปรียบเสมือนเพชรเม็ดใหญ่ แต่ยังขาดการเจียระไนให้เปล่งประกาย คุณหลินมองว่า ตลาดหุ้นไทยมีบริษัทที่มีคุณภาพสูง และมีศักยภาพในการก้าวสู่เวทีโลก แต่ยังขาดการสร้างแบรนด์ และการนำเสนอที่ดึงดูด เปรียบเสมือนเพชรเม็ดสวย แต่ยังขาดการตกแต่ง ทำให้ไม่โดดเด่น
โอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจึงมีอยู่มากมาย และสามารถแบ่งออกเป็นสามประเด็นหลัก
โอกาสสำคัญคือ การหาบริษัทที่สามารถนำเสนอสิ่งที่ประเทศไทยโดดเด่นและแตกต่าง ไปสู่ตลาดโลกได้ ไม่ใช่แค่การขายสินค้า แต่เป็นการสร้างแบรนด์ และเพิ่มมูลค่า เช่นเดียวกับการเจียระไนเพชรให้มีประกาย และการสร้างกล่องบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า
ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านบริการ โดยเฉพาะบริการที่มีคุณภาพสูง เช่น บริการทางการแพทย์ และการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไม่จำกัด หากบริษัทใดสามารถมองเห็น และคว้าโอกาสนี้ได้ ก็จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ นี่เปรียบเสมือนการนำเพชรมาสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับ ที่มีมูลค่าสูงกว่าเพชรเม็ดเปล่า ๆ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และมีเครื่องมือใหม่ ๆ เช่น DR (Depository Receipts) ที่ช่วยให้นักลงทุนทั่วโลกสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นไทยได้ง่ายขึ้น หากสามารถพัฒนาให้ตลาดหุ้นไทยเป็นศูนย์กลาง หรือสปริงบอร์ดในการลงทุนทั่วโลกได้ ก็จะดึงดูดนักลงทุน และเพิ่มมูลค่าให้ตลาดหุ้นไทยได้อย่างมหาศาล เปรียบเสมือนการสร้างร้านค้าหรูหรา เพื่อนำเสนอเพชรที่ได้รับการเจียระไนอย่างสวยงาม
ความสำเร็จที่แท้จริง ไม่ได้วัดจากผลตอบแทนทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการบรรลุเป้าหมายในชีวิต ที่การลงทุนเป็นเพียงเครื่องมือสำคัญในการผลักดันให้ไปถึงจุดหมายนั้น
คุณหลินมองว่า “ทุน” ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เงิน แต่คือ “มันสมองและเวลา” การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จึงมาจากการลงทุนความรู้ การใช้เวลา และความพยายามในการค้นหาโอกาส และเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ความสำเร็จจึงไม่ได้วัดจากตัวเลข แต่เป็นการมองเห็นภาพอนาคตที่ชัดเจน และมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถไปถึงจุดหมายได้
การลงทุนไม่ใช่เรื่องของการคาดเดา หรือการเสี่ยงโชค แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ความพยายาม และความอดทน ผลตอบแทนอาจไม่ปรากฏในระยะเวลาอันสั้น อาจต้องใช้เวลา 10 ปี 20 ปี หรือมากกว่านั้น แต่หากมีความเชื่อมั่น และความเพียรพยายาม ก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด ความกล้าที่จะลงทุน และความกล้าที่จะยืนหยัด แม้จะเผชิญกับความท้าทาย คือหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
ความสำเร็จในการลงทุน จึงประกอบด้วยสองส่วนหลัก
คือการมีความเชื่อมั่นในตัวเองและในเป้าหมายที่ตั้งไว้ การกล้าที่จะลงทุน แม้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และการยืนหยัด ไม่ยอมแพ้ แม้จะพบกับความล้มเหลว