จากติดลบสู่เกษียณสบาย เส้นทางที่พลิกชีวิตด้วยตลาดทุน

โดย นารินทิพย์ ท่องสายชล ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
4 Min Read
18 ธันวาคม 2567
3.417k views
TSI_Article_647_Inv_Thumbnail
Highlights
  • พี่ก้อย วิวรรณ เริ่มต้นจากรายได้ติดลบ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ เธอสามารถพลิกชีวิตสู่การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จและวางแผนเกษียณอย่างมั่นคง

  • เธอใช้กลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ โดยเน้นการวิเคราะห์ทั้งภาพใหญ่และภาพเล็ก พร้อมทั้งบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

  • พี่ก้อยแนะนำให้คนรุ่นใหม่เริ่มลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งการลงทุนทางการเงินและการลงทุนในตัวเอง โดยต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีทัศนคติที่ดี และพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ

ชีวิตไม่เคยง่ายเสมอไป สำหรับบางคน การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝัน จากชีวิตที่เคยคุ้นเคยสู่เส้นทางใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เรื่องราวของพี่ก้อย วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ คือตัวอย่างหนึ่งของการเดินทางที่น่าสนใจ เธอไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความมั่งคั่ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ทำให้เธอสามารถพลิกชีวิตจากจุดเริ่มต้นที่รายได้ติดลบ สู่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จและเกษียณสุข พบกับเรื่องราว บทเรียน และแรงบันดาลใจที่จะจุดประกายความหวังและสร้างแรงผลักดันให้กับทุกคนที่กำลังมองหาเส้นทางสู่ความมั่นคงทางการเงิน

จุดเริ่มต้นรายได้ติดลบ

เรื่องราวของพี่ก้อยเริ่มต้นไม่เหมือนใคร เธอได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ความฝันดูสดใส แต่โชคชะตาเล่นตลก เธอเรียนจบก่อนกำหนด ทำให้ต้องคืนทุนส่วนที่เหลือ และยิ่งกว่านั้น คือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอต้องหมดตัวระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย เธอถูกล้วงกระเป๋าทำให้เงินที่ต้องนำมาคืนหายไปทั้งหมด เธอจึงต้องเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยรายได้ที่ติดลบ เพราะต้องทำงานเก็บเงินเลี้ยงตัวเอง และต้องใช้หนี้ด้วย นี่เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้พี่ก้อยตระหนักถึงความสำคัญของการมีเงินออมเพื่อความมั่นคง เพราะหากมีเงินออมก็จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีกว่า ไม่ต้องกังวลกับการผ่อนใช้หนี้ในภายหลัง

ก้าวแรกสู่โลกแห่งการลงทุน เรียนรู้ ปรับตัว และเติบโต

บทเรียนจากความยากลำบาก เพราะรายได้ที่ติดลบ ได้ปลูกฝังความสำคัญของการวางแผนการเงินอย่างมั่นคงในใจพี่ก้อย เธอจึงเริ่มต้นเรียนรู้และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียง 30,000 บาท ซึ่งเป็นเงินออมที่เธอเก็บหอมรอมริบมาจากการทำงาน หลังใช้หนี้แล้ว พี่ก้อยก้าวเข้าสู่โลกการลงทุน เป็นการเริ่มต้นที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง และความมุ่งมั่น

 

ในช่วงเริ่มต้น พี่ก้อยใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Trading” คือซื้อขายหุ้นอย่างรวดเร็ว เน้นทำกำไรเล็กน้อย แต่บ่อยครั้ง พอได้กำไรมาก็เก็บเพราะเงินทุนมีน้อย ไม่สามารถให้เงินแช่อยู่นาน ๆ ได้ กลยุทธ์นี้เหมาะกับสถานการณ์และความพร้อมของเธอในขณะนั้น

 

เมื่อเวลาผ่านไป ประสบการณ์และเงินทุนของพี่ก้อยเพิ่มมากขึ้น สไตล์การลงทุนของเธอก็เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และการเติบโตของตลาด ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีความผันผวนน้อย พี่ก้อยเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ Buy and Hold คือซื้อหุ้นแล้วถือยาว จนกว่าจะถึงมูลค่าที่ตั้งเป้าไว้หรือใกล้เคียง แล้วค่อยขายออก และมองหาหุ้นตัวใหม่ที่มีศักยภาพ กลยุทธ์นี้ช่วยให้เธอประหยัดค่าคอมมิชชัน และได้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาด รวมถึงเงินปันผล ซึ่งเธอนำกลับมาลงทุนต่อ เพื่อต่อยอดการลงทุน

 

อย่างไรก็ตาม พี่ก้อยตระหนักดีว่า ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงและมีความผันผวน ในช่วงตลาดขาลง เธอจะพิจารณาขายหุ้นบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยง และตัดขาดทุน ก่อนที่จะซื้อกลับเข้ามาใหม่ในจังหวะที่เหมาะสม โดยเลือกซื้อเมื่อเห็นสัญญาณว่าตลาดเริ่มฟื้นตัว ไม่ใช่ตอนที่ตลาดกำลังตกต่ำเพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าตลาดจะลงไปถึงจุดไหน นี่แสดงให้เห็นถึงความรอบคอบและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

 

พี่ก้อยยังแนะว่า การเลือกใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ในช่วงเวลาต่าง ๆ นั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา เช่น กลยุทธ์ Buy and Hold เหมาะกับช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว

บทเรียนจากความไม่แน่นอน เรียนรู้ที่จะรับมือกับความเสี่ยง

การเดินทางของพี่ก้อยในโลกการลงทุน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แม้จะมีความรู้ มีประสบการณ์ และมีกลยุทธ์ที่รอบคอบ แต่ก็มีหลายครั้งที่การลงทุนไม่เป็นไปตามคาดหวัง ความผิดหวังและความไม่แน่นอนเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน และเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนให้พี่ก้อยเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น

 

พี่ก้อยอธิบายว่า ความยากลำบากในการลงทุน มักเกิดจากสองปัจจัยหลัก ๆ คือ ปัจจัยภาพใหญ่ และปัจจัยภาพเล็ก ปัจจัยภาพใหญ่ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ ล้วนมีผลกระทบต่อตลาดการลงทุน ทำให้การคาดการณ์และการวางแผนอาจไม่ตรงตามความเป็นจริงเสมอไป ในขณะที่ปัจจัยภาพเล็ก เช่น การบริหารงานของผู้บริหารบริษัท กลยุทธ์ทางธุรกิจ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็สามารถส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทและราคาหุ้นได้เช่นกัน

 

เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน พี่ก้อยใช้หลักการวิเคราะห์แบบ Top-Down และ Bottom-Up โดย Top-Down คือการวิเคราะห์ภาพใหญ่ โดยพิจารณาถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อค้นหาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และน่าสนใจ จากนั้น จึงใช้หลักการ Bottom-Up วิเคราะห์ภาพเล็ก โดยศึกษาข้อมูลเชิงลึกของบริษัทในอุตสาหกรรมที่เลือก เพื่อคัดเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและมีศักยภาพในการเติบโต การวิเคราะห์ทั้งสองมุมมองนี้ ช่วยให้พี่ก้อยสามารถประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างรอบคอบ และไม่พึ่งพาเพียงข้อมูลในอดีต แต่จะมองไปยังอนาคตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มและเลือกบริษัทที่มีอนาคตสดใส

 

การพิจารณาถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถ จะสามารถนำพาบริษัทไปสู่ความสำเร็จและสร้างผลกำไร ซึ่งจะส่งผลดีต่อนักลงทุนเช่นกัน ในทางกลับกัน หากบริษัทมีปัญหาหรือมีการบริหารงานที่ไม่ดี ก็อาจส่งผลเสียต่อการลงทุน พี่ก้อยจึงเน้นศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจธุรกิจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน และพร้อมที่จะตัดสินใจขาย หากพบว่าการลงทุนไม่เป็นไปตามแผนหรือพบสัญญาณอันตราย

วางแผนเกษียณสุข ความมั่นคงที่สร้างได้ด้วยตัวเอง

การเดินทางของพี่ก้อยในโลกการลงทุน ไม่ได้จบลงเพียงแค่การสร้างความมั่งคั่ง แต่ยังรวมถึงการวางแผนเพื่อให้มีชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขและมั่นคง ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่เธอตั้งใจสร้างมาตลอด ประสบการณ์ในอดีตที่เคยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ทำให้เธอตระหนักถึงความสำคัญของการออมและการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ

 

สมัยเด็ก ๆ พี่ก้อยเป็นคนใช้เงินเก่ง คุณพ่อจึงสอนให้เธอรู้จักหาเงินให้เก่งกว่าที่ใช้ เป็นบทเรียนที่ทำให้เธอเข้าใจถึงความสำคัญของรายได้และการมีวินัยทางการเงิน พี่ก้อยจึงเริ่มต้นวางแผนการเงิน ด้วยสมการง่าย ๆ คือ รายได้ – เงินออม = เงินใช้จ่าย เธอตั้งเป้าหมายในการออมและฝากเงินในธนาคารทุกเดือน เพื่อสร้างวินัยและป้องกันการใช้เงินเกินตัว นี่เป็นเทคนิคพื้นฐานแต่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้เธอสามารถออมเงินได้อย่างสม่ำเสมอและสร้างความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับการวางแผนเกษียณ พี่ก้อยใช้หลักการคำนวณ โดยพิจารณาจากจำนวนเงินที่ต้องการใช้ในแต่ละเดือนหลังเกษียณ จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน จากนั้น จึงคำนวณย้อนกลับ เพื่อหาจำนวนเงินออมที่ต้องการ เช่น หากต้องการใช้เงินเดือนละ 30,000 บาท และคาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณไปอีก 30 ปี ก็จะต้องคำนวณหาจำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ จากนั้นจึงวางแผนออมและลงทุน เพื่อให้ได้จำนวนเงินนั้น

 

สมมติว่าคำนวณแล้ว ต้องมีเงิน 12 ล้านบาท ณ วันเกษียณ โดยปัจจุบันอายุ 40 ปี เหลือเวลาอีก 20 ปี ก็ต้องคำนวณดูว่า ด้วยเงินออมที่มีอยู่และอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจะเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอก็ต้องวางแผนเพิ่มเงินออม และปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม

 

ความท้าทายในการเก็บเงินเพื่อเกษียณ คือความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจ หรือความเสี่ยงในการลงทุน แต่พี่ก้อยมองว่า ความท้าทายนี้ สามารถรับมือได้ โดยการกระจายความเสี่ยง การมีเงินออมที่เพียงพอเปรียบเสมือน “กระปุกใหญ่” ที่ช่วยให้สามารถรับมือกับวิกฤติ เช่น วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ทำให้เธอสูญเสียเงินออมไปบางส่วน แต่ไม่ถึงกับกระทบเป้าหมายการเกษียณ เพราะมีเงินสำรองเพียงพอ

 

ความสำเร็จในการวางแผนเกษียณ ส่วนใหญ่มาจากการมีเป้าหมายที่ชัดเจน พี่ก้อยให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมาย ทั้งในด้านการลงทุนและการใช้ชีวิต เช่น การกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน เป้าหมายราคา หรือเป้าหมายมูลค่า เพื่อให้สามารถวัดผลและปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม การไม่มีเป้าหมายหรือการตามกระแสเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายคนล้มเหลวในการลงทุนและการวางแผนเกษียณ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้อย่างมั่นคง

เปลี่ยนวัยเกษียณให้สบาย ด้วยการลงทุน วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ สร้างอนาคตด้วยการลงทุนในตัวเอง

จากประสบการณ์การลงทุนและการวางแผนชีวิต พี่ก้อยอยากฝากคำแนะนำสำคัญ ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงทางการเงิน พี่ก้อยกล่าวว่า “การประสบความสำเร็จทางการเงิน เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของชีวิต การประสบความสำเร็จที่แท้จริง คือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีความหมาย”

 

พี่ก้อยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุน แต่ไม่ใช่การลงทุนด้วยเงินอย่างเดียว แต่รวมถึงการลงทุนในตัวเอง การลงทุนในความรู้ การลงทุนในทักษะ และการลงทุนในสุขภาพ การเรียนรู้ และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในโลกปัจจุบันได้ การลงทุนเพื่อความมั่นคงของชีวิต ไม่ใช่แค่การมีเงิน 2 ล้าน หรือ 3 ล้าน แต่คือการบรรลุเป้าหมายในชีวิต การมีเงินเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

 

พี่ก้อยแนะนำให้คนรุ่นใหม่ เริ่มลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ต้องรอจนกว่าจะมีเงินมาก การเริ่มต้นด้วยเงินน้อย ๆ เช่น 10 บาท 100 บาท หรือ 1,000 บาท ก็สามารถทำได้ สิ่งสำคัญ คือความตั้งใจและความสม่ำเสมอ การลงทุนคือการสร้างอนาคต ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ก็ยิ่งมีเวลาและโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งมากขึ้น

 

นอกจากการลงทุนทางการเงิน พี่ก้อยยังให้คำแนะนำ อีก 3 ประการ สำหรับการประสบความสำเร็จในชีวิต ได้แก่

1. การจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมาย

ในแต่ละช่วงอายุ ควรมีเป้าหมายและลำดับความสำคัญที่แตกต่างกัน เช่น ในวัยเรียน ควรตั้งใจเรียนให้ได้เกรดดี เพื่อเปิดโอกาสในการเรียนต่อและการทำงานในอนาคต ในวัยทำงาน ควรตั้งใจทำงาน สร้างผลงาน และเก็บออม เพื่อสร้างความมั่นคง อย่าเพิ่งคิดเรื่อง Work-Life Balance มากเกินไปในวัยหนุ่มสาว การอดทนและการลงทุนในตัวเอง จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

2. มีทัศนคติทำได้

ความเชื่อและทัศนคติ มีผลต่อความสำเร็จอย่างมาก อย่าคิดว่าการมีเงินล้านเป็นเรื่องยาก การเก็บออมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวัน ก็สามารถนำไปสู่ความมั่งคั่งได้ เช่น การเก็บออมวันละ 30 บาท หรือ 45 บาท ก็สามารถมีเงินล้านได้ หากลงทุนอย่างถูกต้องและมีระยะเวลาที่เพียงพอ ควรมีทัศนคติที่ดีมองเห็นโอกาสและกล้าที่จะลงมือทำ

3. มีจิตวิญญาณของนักบุกเบิก

โลกปัจจุบัน เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน การเป็นนักบุกเบิก คือการกล้าลอง กล้าทำ ไม่กลัวความล้มเหลว เรียนรู้จากความผิดพลาดและพร้อมที่จะปรับตัวเสมอ การไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ และกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สามารถคว้าโอกาสและประสบความสำเร็จได้

พี่ก้อยเชื่อว่า คนรุ่นใหม่ มีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้เสมอ แต่ต้องเตรียมพร้อม ศึกษาหาความรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การลงทุนไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเงิน แต่คือการลงทุนในอนาคตและการลงทุนในตัวเอง

ตลาดหุ้นไทย …เปลี่ยนชีวิต

จากการลงทุนในตัวเอง การวางแผนอย่างรอบคอบ และการเรียนรู้จากประสบการณ์ พี่ก้อยได้ก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนอย่างเต็มตัว และตลาดทุนไทยได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธออย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เพียงความมั่งคั่งทางการเงิน แต่ยังส่งผลต่อวิถีชีวิต อาชีพการงาน และทัศนคติต่อชีวิตของเธออย่างลึกซึ้ง

 

ในช่วงเริ่มต้น พี่ก้อยเริ่มลงทุนด้วยเงินทุนที่ไม่มากนัก ขณะเดียวกันเธอก็ยังต้องผ่อนบ้านหลังใหม่ไปด้วย แต่ด้วยการวางแผนการเงินที่ดีและการลงทุน เธอสามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างต่อเนื่อง เธอเล่าถึงความรู้สึกภาคภูมิใจ เมื่อสามารถใช้กำไรจากการลงทุนมาเป็นทุนในการสร้างบ้าน

 

“สนามหญ้ามาจากหุ้น A มุ้งลวดมาจากหุ้น B เฟอร์นิเจอร์มาจากหุ้น C... เราชี้ได้หมดเลยว่าอะไรมาจากกำไรของหุ้นตัวไหน” นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จและความสุขที่เกิดจากการลงทุนอย่างมีเป้าหมาย

 

การลงทุนไม่ได้ช่วยเพียงแค่ให้เธอมีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายและการออม แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงและอิสรภาพทางการเงิน ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน และมีเวลาทำในสิ่งที่รักและอยากทำ

ยิ่งไปกว่านั้น ประสบการณ์จากการลงทุนได้นำพาพี่ก้อยไปสู่โอกาสต่าง ๆ ในแวดวงตลาดทุน เธอทำงานในแวดวงนี้ นานกว่าครึ่งชีวิต ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้จัดการกองทุน ผู้จัดการการลงทุน และกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและความสามารถที่เธอสั่งสมมาจากการลงมือทำจริง จากนักลงทุนรายย่อยสู่ผู้เชี่ยวชาญและผู้กำกับดูแล นี่คือการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์การลงทุน

 

ปัจจุบัน เธอได้ต่อยอดประสบการณ์ โดยทำหน้าที่เป็นครูและวิทยากร ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านการลงทุนให้กับผู้อื่น เป็นการแบ่งปันสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม ตลาดหุ้นไทยไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงสถานะทางการเงินของพี่ก้อย แต่ยังเปลี่ยนแปลงชีวิต อาชีพ และทัศนคติของเธออย่างสิ้นเชิง

บทสรุป

พี่ก้อยไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินเท่านั้น แต่เธอยังวางแผนเกษียณอย่างรอบคอบ ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและคำนวณอย่างเป็นระบบ เธอแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ ด้วยคำแนะนำที่เน้นการลงทุนในตัวเอง การมีเป้าหมาย การมีทัศนคติที่ดี และการเป็นนักบุกเบิก ตลาดหุ้นจึงไม่ใช่เพียงแหล่งสร้างรายได้ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พี่ก้อย ได้เรียนรู้ เติบโต สร้างชีวิตที่ประสบความสำเร็จ และมีชีวิตหลังเกษียณที่มีความสุข

 

รับชมคลิปสัมภาษณ์ พี่ก้อย วิวรรณ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ ในซีรีส์ “วันที่การลงทุนเปลี่ยนชีวิต” ได้ที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน