ตลาดหุ้นเป็นดินแดนแห่งโอกาส ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน หรือมีวุฒิการศึกษาระดับใด หากคุณมีความรู้ ความพยายาม และความมุ่งมั่น คุณก็สามารถประสบความสำเร็จได้ นี่คือเรื่องราวของทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือที่ใครหลายคนเรียกเขาว่า “พี่มี่” ผู้เปลี่ยนชีวิตจากการขายส่งหมูยอมาเป็นนักลงทุน เส้นทางของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องทำให้เขาประสบความสำเร็จ บทความนี้เสนอมุมมอง ประสบการณ์ บทเรียน และแรงบันดาลใจจากพี่มี่
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความสำเร็จในตลาดหุ้นของพี่มี่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เส้นทางของเขาไม่ได้เริ่มต้นจากห้องเรียนหรูหรา หรือมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เริ่มต้นจากการเป็นลูกน้องภรรยาที่ช่วยงานขายส่งหมูยอ และเคยว่างงานถึงหนึ่งปีจากการปิดร้านเกม นี่คือจุดเริ่มต้นของคนที่ไม่ได้มีภูมิหลังที่ได้เปรียบ จบเพียง ม.3 แต่มีความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อพี่มี่และลูกสาวมาส่งหมูยอ ที่ห้างเอสพลานาด รัชดา ระหว่างนั้นเองเขาได้เดินผ่านห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งกำลังจัดงานสัมมนาเล็ก ๆ โดยมี ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนคนดัง กำลังพูดให้ความรู้ ทันใดนั้นลูกสาวพี่มี่ตั้งคำถามมากมายหลังจากได้ยินสิ่งที่ ดร.นิเวศน์ พูด
ด้วยความที่เขาอยากฉลาดและอยากเป็นฮีโร่ในสายตาลูก จึงเข้าไปนั่งฟัง ดร.นิเวศน์ เพื่อที่จะได้อธิบายให้ลูกฟังได้ จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักกับ ความมหัศจรรย์ของ ‘ผลตอบแทนทบต้น’ “ถ้ามีเงิน 10 ล้าน ทำผลตอบแทน 26% ไปเรื่อย ๆ 10 ปี เงินจะกลายเป็น 100 ล้าน” จุดประกายทำให้เขาเกิดความสนใจในการลงทุน จึงได้กลับบ้านแล้วเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างจริงจัง เขาอ่านหนังสือ ศึกษาข้อมูล และวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน จนกระทั่งเกิดความเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่แค่ความมั่นใจลอย ๆ แต่เป็นความมั่นใจที่เกิดจากการศึกษาอย่างลึกซึ้ง การวางแผนอย่างรอบคอบ และการเข้าใจกลไกของตลาดหุ้น
“คือจริง ๆ เราเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามันใช่… พอเราลงทุนไปสามครั้ง สี่ครั้ง ห้าครั้ง ความเชื่อค่อย ๆ ก่อตัว จนมีพลังมาก…” คำพูดของพี่มี่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการเรียนรู้ และการสร้างความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่อง
การลงทุนครั้งแรกของพี่มี่เริ่มต้นในปี 2008 ท่ามกลางวิกฤติซับไพรม์ (The Great Recession) แม้จะไม่ใช่จุดต่ำสุด แต่ก็เป็นบทเรียนราคาแพงที่สอนให้พี่มี่เรียนรู้ และปรับตัว ความผิดพลาด และความสูญเสีย คือครูที่ดีที่สุดของเขา ทำให้เข้าใจตลาดหุ้น และธุรกิจมากขึ้น กลายเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
กลยุทธ์การลงทุนของพี่มี่ ไม่ได้มองแค่เพียงตัวเลขทางการเงิน แต่มองถึงภาพรวม และพยายามมองไปข้างหน้า เพื่อคาดการณ์อนาคตของธุรกิจและตลาด การเลือกหุ้นของพี่มี่ จึงเน้น 4 องค์ประกอบหลัก
เป้าหมายการลงทุนของพี่มี่ไม่ได้หยุดนิ่ง แต่เปลี่ยนแปลงไปตามประสบการณ์และการเติบโตของตัวเอง ในช่วงแรก เป้าหมายคือตัวเลขที่ชัดเจน ต้องการสร้างผลตอบแทนทางการเงิน เพื่อสร้างความมั่นคงและอิสรภาพทางการเงิน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาอายุมากขึ้น และได้เห็นเพื่อน ๆ หลายคนประสบปัญหาสุขภาพหรือจากไปก่อนวัยอันควร จึงตระหนักว่า เงิน แม้จะสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
เป้าหมาย จึงเปลี่ยนจากการมุ่งเน้น “ตัวเลข” มาเป็นรักษา “ความสมดุล” ระหว่าง 3 องค์ประกอบหลัก คือ
เป้าหมายการลงทุนของพี่มี่เหมือนการเดินทาง เป็นกระบวนการเรียนรู้และต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและประสบการณ์ แต่สิ่งสำคัญ คือ การรักษาความสมดุล ระหว่างผลกำไร ความปลอดภัย และความสุขให้ได้อย่างเหมาะสม
ในโลกการเงิน หลายคนอาจมองว่า “โอกาส” ขึ้นอยู่กับวุฒิการศึกษา แต่ความจริงแล้ว ตลาดหุ้นคือเวทีที่ความรู้เป็นปัจจัยสำคัญเหนือกว่าปัจจัยอื่นใด การตัดสินใจลงทุนได้ดี ไม่ใช่เรื่องของโชคหรือดวง แต่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ การประเมินความเสี่ยง และการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม
“สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่สิ่งที่เราทำ แต่คือสิ่งที่เราตัดสินใจ แล้วการตัดสินใจต้องใช้องค์ความรู้หลาย ๆ อย่างแวดล้อมมารวมกัน ทำให้เราเลือกถูกได้มากกว่าผิด ตั้งแต่เลือกคู่ เลือกหุ้น เลือกธุรกิจ ทุกอย่างเป็นเรื่องของความรู้ในองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เราต้องสะสมแล้วก็เติบโตไปกับมัน ในตลาดหุ้นความรู้เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าที่อื่น เพราะที่อื่นคุณอาจจะใช้ความรู้บวกกับแรงกายในการทำ แต่ตลาดทุนเราใช้ความรู้เพื่อนำการตัดสินใจ” พี่มี่กล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น พี่มี่มองว่า ตลาดหุ้นเป็น “เกมที่ยุติธรรม” (Fair Game) ที่เปิดโอกาสให้กับทุกคน โดยไม่คำนึงถึงวุฒิการศึกษา ไม่ว่าคุณจะจบ ม.3 หรือจบ ดร. มีโอกาสแพ้-ชนะเท่า ๆ กัน อยู่ที่ว่าคุณมีความรู้มากพอหรือเปล่า มีการตัดสินใจที่เฉียบขาดพอหรือไม่ และเลือกกลยุทธ์ในการลงทุนได้ถูกต้องหรือเปล่า
“ผมทำงานมาหลายอย่างเหมือนที่หลายคนทราบ ที่อื่นคนจบ ดร. กับจบ ม.3 อาจได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกัน แต่ในตลาดหุ้น คุณจบ ม.3 คุณชนะคนจบ ดร. ได้ ถ้าคุณคิดถูก ถ้าคุณสามารถจะตัดสินใจ หรือเข้าใจในธุรกิจนั้นได้มากกว่าคนจบ ดร. มันเป็น Fair Game สุด ๆ มันเป็น Fair Game ที่ไม่มีที่ไหนในโลกให้คุณอีกแล้ว อยู่ที่ความขยันของคุณ ความเข้าใจของคุณ ความตั้งใจของคุณ ที่อยากจะเปลี่ยนฐานะของคุณจริง ๆ ”
พี่มี่ แบ่งปันข้อคิดให้กับคนรุ่นใหม่ว่า การลงทุนในปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็น (Must-have) ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่ดี (Good-to-have) เหมือนในอดีตที่ยังมีช่องทางสร้างรายได้อื่น ๆ มากมาย เช่น การทำธุรกิจ แต่ปัจจุบัน การทำธุรกิจมีความยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และปัจจัยอื่น ๆ การลงทุนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่สร้างความมั่งคั่งและเติบโตได้ในระยะยาว เป็นเสาหลักสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน โดยเฉพาะในวัยเกษียณที่ช่องทางสร้างรายได้อื่น ๆ อาจลดลง
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่า การลงทุนไม่ใช่ “ทางลัดสู่ความร่ำรวย” แต่ต้องการความพยายาม ความขยัน และการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เราจะคาดหวังอะไร ควรพิจารณาว่าเราพร้อมแค่ไหนและคู่ควรกับสิ่งนั้นหรือไม่ ดังคำกล่าวของ ชาร์ลี มังเกอร์ นักลงทุนระดับตำนาน ที่ว่า
“ก่อนที่คุณจะเรียกร้องอะไร คุณถามตัวเองก่อนว่า คุณทำตัวคู่ควรละยังกับสิ่งที่คุณเรียกร้อง พระเจ้าไม่ใจดีขนาดจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ทุกคน เขาก็จะมอบให้กับคนที่พยายามเพียงพอ ขยันเพียงพอเท่านั้น”
เขาเชื่อว่าการลงทุนเป็นอาชีพเดียวที่สามารถทำได้จนวันตาย และยิ่งอายุมาก ประสบการณ์และความรู้ก็จะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงควรวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการลงทุนในระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตหลังเกษียณ แม้ว่าคุณอาจจะไม่ชอบ แต่ก็ควรมีการลงทุนไว้เป็นหนึ่ง “ขา” ที่ไว้ซัปพอร์ตชีวิตหลังเกษียณ
ท้ายนี้ พี่มี่เปรียบชีวิตการลงทุนของเขาเหมือนการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน โดยที่ตัวเขาเองคือโนบิตะ เป็นคนที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถจะประสบความสำเร็จในโลกทุนนิยมได้ แต่โชคดีที่เจอโดราเอมอน ซึ่งเปรียบเหมือนตลาดหลักทรัพย์ มาคอยประคับประคองและมีเครื่องมือวิเศษให้ โนบิตะ จึงค่อย ๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ เติบโตเป็นคนที่ดีขึ้น
นี่คือเรื่องราวของคนที่ไม่ได้เก่งกาจมาตั้งแต่เกิด แต่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ และประสบความสำเร็จได้ ด้วยความพยายาม ความมุ่งมั่น และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดตลาดหุ้นจึงไม่ใช่แค่ดินแดนแห่งโอกาส แต่เป็นสถานที่ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ความรู้ ความขยัน และความมุ่งมั่น คือสิ่งที่สำคัญที่สุด มากกว่าวุฒิการศึกษาหรือภูมิหลัง
รับชมคลิปสัมภาษณ์สุดพิเศษ พี่มี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์ ในซีรีส์ “วันที่การลงทุนเปลี่ยนชีวิต” ได้ที่นี่