เจอนั่น เจอนี่ บทเรียนและการเติบโตจากวิกฤติตลาดหุ้น

โดย นารินทิพย์ ท่องสายชล ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
4 Min Read
10 ธันวาคม 2567
1.884k views
TSI_Article_642_Inv_Thumbnail
Highlights
  • อธิป กีรติพิชญ์ หรือ “นิ้วโป้ง Fundamental VI” เริ่มต้นการลงทุนหลังวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 โดยมองเห็นโอกาสจากราคาหุ้นที่ถูก แม้จะเริ่มต้นด้วยความผิดพลาด แต่เขาได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

  • เขามองการลงทุนเป็นการเดินทาง (Journey) ที่ต้องเผชิญกับทั้งวิกฤติและโอกาส โดยเน้นการพัฒนาตนเอง การเรียนรู้จากความผิดพลาด และการจัดการพอร์ตลงทุนอย่างเหมาะสม

  • นิ้วโป้งให้คำแนะนำสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ โดยเน้นการตั้งความคาดหวังผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล การลงทุนระยะยาว การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น พร้อมทั้งมองเห็นโอกาสในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในภาคบริการและเทคโนโลยีใหม่

เส้นทางการลงทุนเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน โอกาสและความท้าทายสลับสับเปลี่ยนกันไป ความสำเร็จในการลงทุนดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อธิป กีรติพิชญ์ หรือที่รู้จักกันในนามพี่ “นิ้วโป้ง Fundamental VI” คือตัวอย่างที่ทรงพลัง การเดินทางของเขาในโลกการลงทุน เต็มไปด้วยวิกฤติและโอกาส ความผิดพลาดกลายเป็นบทเรียน และทุกบทเรียนนำพาเขาไปสู่ความเติบโตที่ยั่งยืน บทความนี้จะพาไป “เจอนั่น เจอนี่” ในโลกของการลงทุนไปพร้อม ๆ กัน

จุดเริ่มต้นการลงทุน เห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมน

ปี 2544 วิกฤติต้มยำกุ้งยังคงทิ้งร่องรอยความเสียหายและสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงอย่างมากจาก 1,700 จุด เหลือเพียง 200-300 จุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความไม่แน่นอน และความกลัว แต่ท่ามกลางความยากลำบากนี้ พี่นิ้วโป้งกลับมองเห็นโอกาส ขณะที่กำลังศึกษาปริญญาโท MBA ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาได้รับฟังคำแนะนำจากอาจารย์ผู้สอนวิชา Investment ที่ชี้ให้เห็นโอกาสจากความถูกของราคาหุ้นในช่วงเวลานั้น “พวกคุณทุกคนในห้องนี้โชคดีมาก เพราะนอกจากอายุยังน้อย คุณได้มาหลบฝนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในขณะที่ตลาดหุ้นกำลังราคาถูกมาก”  

 

โดยอาจารย์ได้เน้นย้ำและถามคำถามที่ท้าทายความคิดของนักศึกษาในห้อง นั่นคือ “พวกคุณทุกคนเชื่อว่าประเทศไทยจะกลับมาได้ไหม?” หากเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะฟื้นตัวและกลับมาได้ นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ แต่ถ้าไม่เชื่อ อาจจำเป็นต้องมองหาโอกาสในการลงทุนอื่น ๆ เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายให้พี่นิ้วโป้งตัดสินใจเข้าสู่โลกการลงทุน

ลงทุนผิดพลาดครั้งแรก

การลงทุนครั้งแรก เต็มไปด้วยความผิดพลาดพี่นิ้วโป้งยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เขาทำผิดพลาดถึง 3 อย่างพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนมือใหม่ ความผิดพลาดเหล่านั้น ได้แก่

1. ซื้อหุ้นเพียงตัวเดียว ไม่ได้กระจายความเสี่ยง

ไปยังหุ้นตัวอื่น ๆ เป็นความผิดพลาดพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่มักจะทำ เพราะมุ่งเน้นไปที่โอกาสในการทำกำไร โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียว เสมือนการวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว หากตะกร้าใบนั้นแตก ไข่ทั้งหมดก็จะแตกตามไปด้วย

2. ซื้อหุ้นไม้เดียว

ลงทุนด้วยเงินทั้งหมดที่มีในครั้งเดียว ไม่เฉลี่ยต้นทุน เป็นอีกหนึ่งความผิดพลาดที่ร้ายแรง  หากราคาหุ้นลดลง นักลงทุนจะขาดทุนอย่างหนัก และอาจไม่มีโอกาสที่จะเฉลี่ยต้นทุนลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ขาดทุนมากขึ้นไปอีก

3. ใช้เงินสดทั้งหมดที่มีซื้อ ทำให้ไม่มีโอกาสแก้ตัว

ไม่มีเงินเหลือสำหรับการแก้ไขสถานการณ์ หรือใช้ในการลงทุนในโอกาสอื่น ๆ ที่อาจจะดีกว่าในอนาคต

ผลที่ตามมาคือ เมื่อเกิดเหตุวินาศกรรม 9/11 ในสหรัฐอเมริกา หุ้นที่เขาลงทุนอยู่ ซึ่งเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออกร่วงลงอย่างหนักเกือบ 30% ภายในปีแรก ทำให้เขาได้รับบทเรียนราคาแพงและเข้าใจถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง การถัวเฉลี่ยต้นทุน การบริหารจัดการเงินทุนอย่างรอบคอบ และการรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

เจอนั่น เจอนี่ (Journey) สิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นต้องเจอ

ความผิดพลาดครั้งแรกกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังติดหุ้นเป็นเวลาเกือบสองปี ไม่ได้ทำให้พี่นิ้วโป้งท้อแท้ แต่กลับกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เขาได้เรียนรู้การเป็นผู้ถือหุ้นอย่างแท้จริง โดยการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น รับเงินปันผล และเยี่ยมชมโรงงาน (Factory Visited) เพื่อทำความเข้าใจธุรกิจของบริษัทอย่างลึกซึ้ง กระบวนการนี้เป็นสิ่งที่พี่นิ้วโป้งเรียกว่า Scatter Brush” คือการวิเคราะห์เจาะลึก ไปเห็นของจริง ไปสัมผัสของจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกว่าการพึ่งพาข้อมูลเพียงแค่บนกระดาษหรือบทวิเคราะห์เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นมีทั้งปีที่ดีและปีที่แย่ การลงทุนอาจต้องเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอน ก็มีช่วงเวลาที่พี่นิ้วโป้งยอมรับว่าเคยรู้สึกจิตตกด้วยเหมือนกันเมื่อพอร์ตลงทุนติดลบ แต่เขาเรียนรู้ที่จะรับมือด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การถัวเฉลี่ยต้นทุน การตัดขาดทุน (Cut Loss) การปิดจอชั่วคราว และการดูแลสุขภาพจิต เพื่อรักษาสมดุลชีวิต

 

เขาเน้นย้ำว่าความผิดพลาดคือบทเรียน เป็นเครื่องมือสำคัญในการเติบโต การเรียนรู้ที่จะแยกแยะปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้เป็นกุญแจสำคัญ โดยปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ต้องเรียนรู้ที่จะรับมือ และรอเวลาให้สถานการณ์คลี่คลาย

 

แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขามองการลงทุนเป็น Journey แห่งการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง “การลงทุนมันเป็นเรื่องการพัฒนาตัวเอง มันคือการเดินทางที่นักลงทุนต้องไปเจอนั่น เจอนี่” การพัฒนาตัวเองจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ตลาดตกต่ำ เพราะความยากลำบากบังคับให้เราใช้ความคิด ความรู้ และประสบการณ์อย่างเต็มที่ ต่างจากช่วงที่ตลาดดีที่อาจขาดแรงผลักดันในการพัฒนา

 

การจัดการพอร์ตลงทุนก็เช่นกัน “หุ้นแต่ละตัวมีวิธีการจัดการที่ต่างกัน บางตัวถือรอได้ บางตัวต้องคัท บางตัวเหมาะกับการถัวเพิ่ม บางตัวไม่เหมาะ เหมือนพืชแต่ละชนิดต้องการน้ำและแสงแดดที่แตกต่างกัน” การเรียนรู้ที่จะปรับตัว และเข้าใจความเฉพาะของหุ้นแต่ละตัว จะช่วยให้นักลงทุนยืนระยะในตลาดหุ้นได้นาน และสร้างความมั่งคั่งในที่สุด

บทเรียนและบาดแผลการลงทุน นิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์

การลงทุนเปลี่ยนชีวิต

พี่นิ้วโป้งเปรียบการลงทุนเป็นการเดินทางสู่เป้าหมาย 3 ระดับ ที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตและเขาได้บรรลุเป้าหมายทั้งสามระดับแล้ว

1. เอาชนะดอกเบี้ยเงินฝาก

เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคาร ซึ่งเขาสามารถทำได้ภายใน 3 ปีแรก “การลงทุนทำให้ผมลงทุนแล้ว ได้ผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ มากกว่าการฝากเงิน” นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างความมั่นใจและแรงบันดาลใจในการลงทุน

2. เกษียณสุข

เพื่อสร้างความมั่งคั่ง และมีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ “ผมเห็นพอร์ตการลงทุนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา โดยเฉพาะหลังวิกฤติทุกครั้งพอร์ตการลงทุนจะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ทำให้เห็นว่าเราสามารถเกษียณสุขได้” โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปันผล เพื่อสร้างรายได้สม่ำเสมอ

3. มีอิสรภาพทางการเงิน

เพื่อให้มีรายได้จากเงินปันผล มากกว่ารายได้จากการทำงานประจำ พี่นิ้วโป้งมองว่า นี่คือเป้าหมายสูงสุด ที่นักลงทุนทุกคนควรตั้งเป้าหมายไว้

มองตลาดหุ้นไทยและโอกาสในอนาคต

แม้จะมีความท้าทายจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่พี่นิ้วโป้งยังคงมีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในธุรกิจภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว (Tourism) และการดูแลสุขภาพ (Healthcare) เขามองว่าประเทศไทยยังคงมีศักยภาพที่จะพัฒนาและเติบโตจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ ซึ่งการเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) นั้น ถือเป็นโอกาสสำคัญที่สามารถส่งเสริมเศรษฐกิจไทยได้ในระยะยาว ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถ ประกอบกับการบริการที่มีชื่อเสียง ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุน

 

นอกจากนี้ การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในประเทศไทยยังเป็นโอกาสที่สำคัญ อีกทั้งเทรนด์ด้านสุขภาพและความงามกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจ Wellness หรือการดูแลสุขภาพแบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Anti-Aging มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ได้

 

และโอกาสในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เช่น เทคโนโลยีสีเขียวและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น EV Hub และ Data Center ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาในภูมิภาค นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความหวังให้กับนักลงทุนในอนาคต

 

เขาเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตและเป็นตลาดหุ้นที่น่าลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หุ้นปันผล” ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง เพราะแม้ว่าราคาหุ้นจะลดลง นักลงทุนก็ยังได้รับเงินปันผล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงทางการเงิน โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3% กว่า ๆ มาเป็นเวลานานแล้ว นับว่าเป็นระดับที่น่าสนใจ และดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี

คำแนะสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่

นักลงทุนรุ่นใหม่ ที่กำลังเริ่มต้นการเดินทางในโลกของการลงทุน พี่นิ้วโป้งได้ให้คำแนะนำ ที่ไม่ได้เน้นเพียงแค่กลยุทธ์การลงทุน แต่ครอบคลุมถึงทัศนคติ และการวางแผนที่จำเป็นต่อความสำเร็จในระยะยาว

1. ตั้งความคาดหวังผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล

นักลงทุนรุ่นใหม่มักมีความคาดหวังผลตอบแทนที่สูงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยในอดีต ซึ่งอาจจะอยู่ที่ประมาณ 6-8% การตั้งความคาดหวังที่ไม่สมจริง อาจนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่เสี่ยงเกินไป เช่น การลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูง หรือการเก็งกำไร ซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียอย่างหนัก การตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวังที่สมเหตุสมผล จะช่วยให้นักลงทุนมีสติและอดทนในการลงทุนระยะยาว

2. เน้นลงทุนระยะยาว

ตลาดหุ้นมีความผันผวน โดยมีช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่แย่ นักลงทุนรุ่นใหม่ มักจะขาดความอดทน และขายหุ้นทิ้งในช่วงเวลาที่ตลาดตกต่ำ ซึ่งทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว การลงทุนระยะยาวต้องการความอดทนและความเข้าใจในกลไกตลาด และความสามารถในการรับมือกับความผันผวน การลงทุนระยะยาวจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและความมั่งคั่ง

3. เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

โลกการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักลงทุนรุ่นใหม่  จำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับสถานการณ์และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี การศึกษา การอ่านหนังสือ การเข้าร่วมสัมมนา และการแลกเปลี่ยนความรู้กับนักลงทุนคนอื่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนพัฒนาความรู้และทักษะในการลงทุน

4. กระจายความเสี่ยง

อย่าลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียวหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว ควรกระจายการลงทุน ไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร การกระจายความเสี่ยง อาจทำได้โดยการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ

5. บริหารจัดการอารมณ์

อารมณ์มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และไม่ให้ความกลัวหรือความโลภมากำหนดการตัดสินใจ การมีวินัยและการปฏิบัติตามแผนการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จในระยะยาว

สรุปบทเรียนการเดินทางในตลาดหุ้น

การลงทุนของพี่นิ้วโป้งคือการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นพบและการเรียนรู้ โดยเริ่มต้นจากการมองเห็นโอกาสในวิกฤติและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด เขาเรียนรู้ที่จะปรับกลยุทธ์ ให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยง และเข้าใจว่าวิกฤติใด ๆ ล้วนมีบทเรียนในตัวมันเอง การยืนระยะอยู่ในตลาดหุ้นให้ได้ยาวนานคือการเดินทางที่ท้าทาย แต่ด้วยการเตรียมตัวและการมองการณ์ไกล เขาเชื่อว่าเส้นทางนี้จะนำพาไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

 

รับชมคลิปสัมภาษณ์พี่นิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ ในซีรีส์ “วันที่การลงทุนเปลี่ยนชีวิต” ได้ที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน