เส้นทางการลงทุนเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน โอกาสและความท้าทายสลับสับเปลี่ยนกันไป ความสำเร็จในการลงทุนดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อธิป กีรติพิชญ์ หรือที่รู้จักกันในนามพี่ “นิ้วโป้ง Fundamental VI” คือตัวอย่างที่ทรงพลัง การเดินทางของเขาในโลกการลงทุน เต็มไปด้วยวิกฤติและโอกาส ความผิดพลาดกลายเป็นบทเรียน และทุกบทเรียนนำพาเขาไปสู่ความเติบโตที่ยั่งยืน บทความนี้จะพาไป “เจอนั่น เจอนี่” ในโลกของการลงทุนไปพร้อม ๆ กัน
ปี 2544 วิกฤติต้มยำกุ้งยังคงทิ้งร่องรอยความเสียหายและสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงอย่างมากจาก 1,700 จุด เหลือเพียง 200-300 จุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความไม่แน่นอน และความกลัว แต่ท่ามกลางความยากลำบากนี้ พี่นิ้วโป้งกลับมองเห็นโอกาส ขณะที่กำลังศึกษาปริญญาโท MBA ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาได้รับฟังคำแนะนำจากอาจารย์ผู้สอนวิชา Investment ที่ชี้ให้เห็นโอกาสจากความถูกของราคาหุ้นในช่วงเวลานั้น “พวกคุณทุกคนในห้องนี้โชคดีมาก เพราะนอกจากอายุยังน้อย คุณได้มาหลบฝนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในขณะที่ตลาดหุ้นกำลังราคาถูกมาก”
โดยอาจารย์ได้เน้นย้ำและถามคำถามที่ท้าทายความคิดของนักศึกษาในห้อง นั่นคือ “พวกคุณทุกคนเชื่อว่าประเทศไทยจะกลับมาได้ไหม?” หากเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะฟื้นตัวและกลับมาได้ นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ แต่ถ้าไม่เชื่อ อาจจำเป็นต้องมองหาโอกาสในการลงทุนอื่น ๆ เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายให้พี่นิ้วโป้งตัดสินใจเข้าสู่โลกการลงทุน
การลงทุนครั้งแรก เต็มไปด้วยความผิดพลาดพี่นิ้วโป้งยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เขาทำผิดพลาดถึง 3 อย่างพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนมือใหม่ ความผิดพลาดเหล่านั้น ได้แก่
ไปยังหุ้นตัวอื่น ๆ เป็นความผิดพลาดพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่มักจะทำ เพราะมุ่งเน้นไปที่โอกาสในการทำกำไร โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียว เสมือนการวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว หากตะกร้าใบนั้นแตก ไข่ทั้งหมดก็จะแตกตามไปด้วย
ผลที่ตามมาคือ เมื่อเกิดเหตุวินาศกรรม 9/11 ในสหรัฐอเมริกา หุ้นที่เขาลงทุนอยู่ ซึ่งเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออกร่วงลงอย่างหนักเกือบ 30% ภายในปีแรก ทำให้เขาได้รับบทเรียนราคาแพงและเข้าใจถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง การถัวเฉลี่ยต้นทุน การบริหารจัดการเงินทุนอย่างรอบคอบ และการรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ความผิดพลาดครั้งแรกกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังติดหุ้นเป็นเวลาเกือบสองปี ไม่ได้ทำให้พี่นิ้วโป้งท้อแท้ แต่กลับกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เขาได้เรียนรู้การเป็นผู้ถือหุ้นอย่างแท้จริง โดยการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น รับเงินปันผล และเยี่ยมชมโรงงาน (Factory Visited) เพื่อทำความเข้าใจธุรกิจของบริษัทอย่างลึกซึ้ง กระบวนการนี้เป็นสิ่งที่พี่นิ้วโป้งเรียกว่า “Scatter Brush” คือการวิเคราะห์เจาะลึก ไปเห็นของจริง ไปสัมผัสของจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกว่าการพึ่งพาข้อมูลเพียงแค่บนกระดาษหรือบทวิเคราะห์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นมีทั้งปีที่ดีและปีที่แย่ การลงทุนอาจต้องเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอน ก็มีช่วงเวลาที่พี่นิ้วโป้งยอมรับว่าเคยรู้สึกจิตตกด้วยเหมือนกันเมื่อพอร์ตลงทุนติดลบ แต่เขาเรียนรู้ที่จะรับมือด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การถัวเฉลี่ยต้นทุน การตัดขาดทุน (Cut Loss) การปิดจอชั่วคราว และการดูแลสุขภาพจิต เพื่อรักษาสมดุลชีวิต
เขาเน้นย้ำว่าความผิดพลาดคือบทเรียน เป็นเครื่องมือสำคัญในการเติบโต การเรียนรู้ที่จะแยกแยะปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้เป็นกุญแจสำคัญ โดยปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ต้องเรียนรู้ที่จะรับมือ และรอเวลาให้สถานการณ์คลี่คลาย
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขามองการลงทุนเป็น Journey แห่งการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง “การลงทุนมันเป็นเรื่องการพัฒนาตัวเอง มันคือการเดินทางที่นักลงทุนต้องไปเจอนั่น เจอนี่” การพัฒนาตัวเองจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ตลาดตกต่ำ เพราะความยากลำบากบังคับให้เราใช้ความคิด ความรู้ และประสบการณ์อย่างเต็มที่ ต่างจากช่วงที่ตลาดดีที่อาจขาดแรงผลักดันในการพัฒนา
การจัดการพอร์ตลงทุนก็เช่นกัน “หุ้นแต่ละตัวมีวิธีการจัดการที่ต่างกัน บางตัวถือรอได้ บางตัวต้องคัท บางตัวเหมาะกับการถัวเพิ่ม บางตัวไม่เหมาะ เหมือนพืชแต่ละชนิดต้องการน้ำและแสงแดดที่แตกต่างกัน” การเรียนรู้ที่จะปรับตัว และเข้าใจความเฉพาะของหุ้นแต่ละตัว จะช่วยให้นักลงทุนยืนระยะในตลาดหุ้นได้นาน และสร้างความมั่งคั่งในที่สุด
พี่นิ้วโป้งเปรียบการลงทุนเป็นการเดินทางสู่เป้าหมาย 3 ระดับ ที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตและเขาได้บรรลุเป้าหมายทั้งสามระดับแล้ว
เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคาร ซึ่งเขาสามารถทำได้ภายใน 3 ปีแรก “การลงทุนทำให้ผมลงทุนแล้ว ได้ผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ มากกว่าการฝากเงิน” นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างความมั่นใจและแรงบันดาลใจในการลงทุน
แม้จะมีความท้าทายจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่พี่นิ้วโป้งยังคงมีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในธุรกิจภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว (Tourism) และการดูแลสุขภาพ (Healthcare) เขามองว่าประเทศไทยยังคงมีศักยภาพที่จะพัฒนาและเติบโตจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ ซึ่งการเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) นั้น ถือเป็นโอกาสสำคัญที่สามารถส่งเสริมเศรษฐกิจไทยได้ในระยะยาว ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถ ประกอบกับการบริการที่มีชื่อเสียง ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุน
นอกจากนี้ การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในประเทศไทยยังเป็นโอกาสที่สำคัญ อีกทั้งเทรนด์ด้านสุขภาพและความงามกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจ Wellness หรือการดูแลสุขภาพแบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Anti-Aging มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ได้
และโอกาสในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เช่น เทคโนโลยีสีเขียวและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น EV Hub และ Data Center ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาในภูมิภาค นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความหวังให้กับนักลงทุนในอนาคต
เขาเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตและเป็นตลาดหุ้นที่น่าลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หุ้นปันผล” ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง เพราะแม้ว่าราคาหุ้นจะลดลง นักลงทุนก็ยังได้รับเงินปันผล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงทางการเงิน โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3% กว่า ๆ มาเป็นเวลานานแล้ว นับว่าเป็นระดับที่น่าสนใจ และดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
นักลงทุนรุ่นใหม่ ที่กำลังเริ่มต้นการเดินทางในโลกของการลงทุน พี่นิ้วโป้งได้ให้คำแนะนำ ที่ไม่ได้เน้นเพียงแค่กลยุทธ์การลงทุน แต่ครอบคลุมถึงทัศนคติ และการวางแผนที่จำเป็นต่อความสำเร็จในระยะยาว
นักลงทุนรุ่นใหม่มักมีความคาดหวังผลตอบแทนที่สูงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยในอดีต ซึ่งอาจจะอยู่ที่ประมาณ 6-8% การตั้งความคาดหวังที่ไม่สมจริง อาจนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่เสี่ยงเกินไป เช่น การลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูง หรือการเก็งกำไร ซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียอย่างหนัก การตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวังที่สมเหตุสมผล จะช่วยให้นักลงทุนมีสติและอดทนในการลงทุนระยะยาว
การลงทุนของพี่นิ้วโป้งคือการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นพบและการเรียนรู้ โดยเริ่มต้นจากการมองเห็นโอกาสในวิกฤติและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด เขาเรียนรู้ที่จะปรับกลยุทธ์ ให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยง และเข้าใจว่าวิกฤติใด ๆ ล้วนมีบทเรียนในตัวมันเอง การยืนระยะอยู่ในตลาดหุ้นให้ได้ยาวนานคือการเดินทางที่ท้าทาย แต่ด้วยการเตรียมตัวและการมองการณ์ไกล เขาเชื่อว่าเส้นทางนี้จะนำพาไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
รับชมคลิปสัมภาษณ์พี่นิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ ในซีรีส์ “วันที่การลงทุนเปลี่ยนชีวิต” ได้ที่นี่