ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ สะท้าน ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ซะเลย

โดย ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ – อนุพันธ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2 Min Read
19 พฤศจิกายน 2567
2.147k views
TSI_Article_635_Inv_Thumbnail
Highlights
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 นโยบาย Make America Great Again จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการลดภาษีในประเทศและขึ้นภาษีนำเข้า

  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง และคาดว่าจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต นักลงทุนควรระมัดระวังและรอจังหวะในการลงทุน โดยสามารถใช้ DRx เป็นทางเลือกในการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ผ่านตลาดหุ้นไทย

เป็นที่ทราบผลกันทั่วโลกแล้วว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน จะได้ประธานาธิบดีที่ชื่อว่า โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อีกครั้งเป็นสมัยที่ 2 ในวัย 78 ปี โดยจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568 แน่นอนว่านักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาถึงนโยบายเพื่อ Make America Great Again ของทรัมป์ในรอบนี้ว่าจะเข้มข้นเพียงใด

 

โดยหนึ่งในนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญคือการลดภาษีสำหรับคนอเมริกัน ในขณะที่ขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศอื่น (โดยเฉพาะจีน ที่อาจขึ้นถึง 60% รวมไปถึงยุโรป และเม็กซิโก) รวมไปถึงนโยบายในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้อพยพ ซึ่งการที่รัฐบาลทรัมป์ อาจสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้งสภาบนและสภาล่าง (วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร) จะยิ่งทำให้การดำเนินนโยบายต่าง ๆ อาจเป็นไปได้อย่างสะดวก เช่น การลดภาษีนิติบุคคลต่อเนื่องจาก 21% เหลือ 15% หรือการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญบางตำแหน่งในธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed เพื่อส่งสัญญาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือต้องการลดดอกเบี้ยมากขึ้น

 

แน่นอนว่าการลดภาษีอาจช่วยหนุนให้เงินเฟ้อในอเมริกายังอยู่ในทิศทางขาลงได้ต่อเนื่อง และเสริมให้เศรษฐกิจอเมริกายังขยายตัวต่อได้ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ในภาพรวมสำหรับปีหน้า แต่คำถามคือสิ่งนี้จะยั่งยืนหรือไม่ เพราะหนี้ของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้น การเฝ้าระวังหรือติดตามถึงมาตรการที่เป็นรูปธรรมที่จะจัดการปัญหาเรื่องหนี้อย่างจริงจังของรัฐบาลทรัมป์ ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าจับตา

 

อย่างไรก็ดี การที่ Fed กลับทิศนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยที่ล่าสุดลดอีก 25bps เหลือ 4.50 – 4.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากลดแล้วในครั้งก่อนที่ 50bps พร้อมกับผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ได้ยืนยันว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในทิศทางขาลงไปสู่ระดับ 2% ในขณะที่อัตราการว่างงานแม้จะยังอยู่ในระดับต่ำแต่ก็สูงขึ้นกว่าช่วงปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า Fed น่าจะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแบบนี้ต่อไป  

 

ทั้งนี้ ความผันผวนยังเป็นสิ่งที่อยู่คู่ตลาดหุ้น และจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากในปีหน้า นักลงทุนคงได้กลับมาคึกคักจากการติดตามโดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตผ่าน X (Twitter เดิม) อีกครั้ง โดยนักลงทุนระยะยาวยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นสหรัฐฯ แบบรายตัวได้ผ่านตลาดหุ้นไทยด้วย DRx หรือ Fractional Depositary Receipt ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนหุ้นต่างประเทศได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดย DRx มีความยืดหยุ่นในการซื้อขายมากกว่าผลิตภัณฑ์ลงทุนประเภทอื่น เพราะไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน และสามารถซื้อขายได้ตามเวลาทำการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตั้งแต่ 20:00 น. – 04:00 น. ของวันถัดไป โดยส่งคำสั่งผ่านแอปพลิเคชัน Streaming ได้ง่าย ๆ เหมือนกับหุ้นไทยทั่วไป

 

อย่างไรก็ดี ด้วยมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากพิจารณาจาก P/E ของดัชนี S&P 500 ที่อยู่ราว 22 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 19 เท่า หรือดัชนี Nasdaq 100 ที่ 26 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 24 เท่านั้น การรอจังหวะในการเข้าลงทุนจึงอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในช่วงที่ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ กำลังสะท้านนักลงทุนทั่วโลกในขณะนี้

Sample table showing DRx U.S. stocks available for trading in the Thai stock market.

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน หลักการเลือกลงทุน และวิธีการลงทุน DRx ผ่านตลาดหุ้นไทย เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร DRx ลงทุนไซซ์เล็ก เพื่อโอกาสใหญ่ในตลาดโลก” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่ 
แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน