ความโปร่งใสที่แท้จริงไม่ใช่แค่การเปิดเผยข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด แต่เป็นการสื่อสารข้อมูลที่สำคัญต่อการตัดสินใจอย่างครบถ้วน ตรงไปตรงมา และทันต่อเหตุการณ์ โดยข้อมูลต้องเข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับนักลงทุน
จากการศึกษาของ International Finance Corporation (IFC) พบว่าบริษัทที่มีคะแนนความโปร่งใสสูงมักจะมีการเปิดเผยข้อมูลครบถ้วนทั้งข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลการดำเนินงาน ข้อมูลความเสี่ยง ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ
ที่น่าสนใจคือ บริษัทดังกล่าวมักมีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย เช่น เว็บไซต์ (ข้อมูลนักลงทุนสัมพันธ์) ที่อัปเดตสม่ำเสมอ การจัดประชุมนักวิเคราะห์เป็นประจำ และการตอบคำถามผู้ถือหุ้นผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว อีกทั้ง พบว่าบริษัทที่มีความโปร่งใสสูงมักมีวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง ผู้บริหารพร้อมรับฟังความคิดเห็นและคำวิจารณ์ และมีความกล้าที่จะเปิดเผยทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทมักกังวลว่าการเปิดเผยข้อมูลมากเกินไปจะทำให้เสียเปรียบคู่แข่ง แต่จากข้อมูลของ Harvard Business Review กลับพบว่าความโปร่งใสสร้างประโยชน์มากกว่าที่คิด
เมื่อบริษัทเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน นักลงทุนและสถาบันการเงินสามารถประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง เช่น บริษัท Nike ได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน 0.5% หลังจากเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม หรือทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพขึ้น เช่น หุ้น Microsoft มีความผันผวนของราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 25% หลังเปลี่ยนนโยบายเป็นการเปิดเผยข้อมูลเชิงรุก
ความโปร่งใสสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทุกฝ่าย เช่น พนักงานทำงานอย่างมั่นใจ เพราะเข้าใจทิศทางและเป้าหมายองค์กรชัดเจน เห็นโอกาสความก้าวหน้าในสายอาชีพ มั่นใจในความมั่นคงของบริษัท เช่น บริษัท Google มีอัตราการลาออกของพนักงาน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 30% จากนโยบายการสื่อสารภายในองค์กรที่โปร่งใส
นอกจากนี้ ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสินค้าและบริการ เพราะเข้าใจที่มาของราคาและคุณภาพ มั่นใจในมาตรฐานการผลิตและเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาด เช่น บริษัท Apple ได้รับคะแนนความพึงพอใจลูกค้าสูงสุดในอุตสาหกรรม หลังเปิดเผยข้อมูลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างละเอียด ที่น่าสนใจไปกว่านั้นทำให้คู่ค้ายินดีร่วมธุรกิจระยะยาว เพราะเข้าใจนโยบายการจ่ายเงิน มั่นใจในความมั่นคงทางการเงิน และเห็นโอกาสการเติบโตร่วมกัน เช่น บริษัท Toyota ได้รับส่วนลดจากซัพพลายเออร์เฉลี่ย 5% มากกว่าคู่แข่ง จากนโยบายการเปิดเผยแผนการผลิตและการสั่งซื้อล่วงหน้าที่ชัดเจน
กลยุทธ์การลงทุนโดยใช้ความโปร่งใสเป็นเกณฑ์1. การคัดกรองเบื้องต้นการตรวจสอบ CG Rating
ประวัติการถูกลงโทษ
2. การวิเคราะห์เชิงลึกการศึกษารายงานประจำปี
การติดตามการเปิดเผยข้อมูล
พฤติกรรมผู้บริหาร
3. การติดตามต่อเนื่องการประชุมผู้ถือหุ้น
การติดตามข่าวสาร
การประเมินคุณภาพ
|
บริษัทที่มุ่งมั่นพัฒนาการเปิดเผยข้อมูลมักได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า จากการศึกษาของ McKinsey ในปี 2021 พบว่าบริษัทที่มีความโปร่งใสสูงมีผลงานโดดเด่น ดังนี้
ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลที่ดี ไม่ใช่เพียงเรื่องของการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ แต่เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่ดี บริษัทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มักจะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว นักลงทุนจึงควรใช้เป็นเกณฑ์สำคัญในการคัดเลือกหุ้น