ในภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยมีบทบาทสำคัญต่อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่เป็นทางเลือกการลงทุนยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายถูกกำหนดโดยธนาคารกลาง ถือได้ว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีความสำคัญที่สุดและมีผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยอื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ ผู้ลงทุนจะถือเป็น “เจ้าหนี้” ดังนั้น ผู้ออกตราสารหนี้ มีหน้าที่ต้องชำระดอกเบี้ย ก็จะระบุเงื่อนไขการชำระดอกเบี้ยและการไถ่ถอนไว้อย่างชัดเจน
โดยหากผู้ลงทุนถือครองตราสารหนี้จนครบกำหนดอายุ ก็จะไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่หากขายตราสารหนี้ก่อนครบกำหนดอายุ อัตราดอกเบี้ยในตลาดก็จะมีผลต่อราคาตราสารหนี้ เพราะอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ แปรผกผันกัน โดยเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ผลกระทบต่อกองทุนรวมตราสารหนี้ มีดังนี้
ดังนั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับสูงสุดและเริ่มเป็นขาลง ควรเลือกลงทุนตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยคงเหลือเยอะ ๆ เช่นเดียวกันควรเลือกลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงระยะยาว เพื่อรับผลตอบแทนจากราคาตราสารหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจแบ่งเงินเพื่อมาลงทุน ขอแนะนำกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีความ Dynamic สูง โดยผู้จัดการกองทุนจะคอยดูราคาตราสารหนี้ อายุเฉลี่ยตราสารหนี้ และปรับพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนผู้ที่ถือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นก็เริ่มทยอยลดน้ำหนัก และเพิ่มน้ำหนักกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะกลางถึงระยะยาว เช่นเดียวกันหากสนใจลงทุนหุ้นกู้ก็ควรเน้นหุ้นกู้ที่มีอายุยาว 5 ปีขึ้นไป และเป็นกลุ่มที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อความอุ่นใจในการลงทุน
สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ที่น่าสนใจ คือ กองทุนรวมตราสารหนี้โลก (Global Bond) ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกลงทุนหลากหลาย ทั้งลงทุนผ่านกองทุนหลักเพียงกองเดียว (Feeder Fund) และกระจายลงทุนในกองทุนหลักหลายกอง (Fund of Fund) โดยมีนโยบายกระจายการลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารพอร์ตลงทุน ที่สำคัญควรเลือกลงทุนกองทุนที่ปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน
ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง การจัดพอร์ตลงทุนที่เหมาะสมควรคำนึงถึงการสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความเสี่ยง โดยเน้นการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาเพิ่มสัดส่วนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ยาวขึ้น เพื่อรับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทุ่มเทการลงทุนทั้งหมดในกลุ่มนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงหากอัตราดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาขึ้นในอนาคต
การผสมผสานระหว่างกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะยาว จะช่วยสร้างสมดุลในพอร์ตลงทุน นอกจากนี้ การลงทุนบางส่วนในกองทุนหุ้น หรือหุ้นรายตัวที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ อาจช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว ที่สำคัญหากผสมผสานการลงทุนที่เหมาะสม จะสามารถรับมือกับสภาวะตลาดที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน