ถัวเฉลี่ยหรือทีเดียว ได้หมดถ้าสดชื่น

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
4 Min Read
30 พฤศจิกายน 2563
6.594k views
TSI_57_ถัวเฉลี่ยหรือทีเดียว ได้หมดถ้าสดชื่น
Highlights
  • การลงทุนด้วยเงินก้อนแบบครั้งเดียว (Lump sum) มีโอกาส “สร้างผลตอบแทนได้มากกว่า” การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) แต่นักลงทุนต้องสามารถจับจังหวะลงทุนได้เบื้องต้น

  • แม้ว่าการลงทุนแบบ DCA อาจจะ “ได้ผลตอบแทนน้อยกว่า” แต่ก็แลกกับการลดความเสี่ยงในการจับจังหวะลงทุนผิดได้

หลายคนคงเคยสงสัยว่า ระหว่างการใช้วิธีลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Averaging: DCA) กับลงทุนแบบครั้งเดียว (Lump Sum) แบบไหนจะดีต่อใจ เหมาะสมกับตัวเรามากกว่ากัน ซึ่งคำตอบก็ยังเหมือนเดิม นั่นคือ จะลงทุนวิธีไหนก็ได้แค่ขอให้มีวินัย เข้าอกเข้าใจเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทน เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนตัวเอง เท่านี้ก็จะประสบความสำเร็จมากกว่าล้มเหลวแน่นอน

 

แล้วตัวเราเหมาะกับวิธีไหน...ลองมาดูกัน?

 

ลงทุนสม่ำเสมอแบบ DCA

 

แนวคิดพื้นฐานของ “วิธีการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA” คือ การลงทุนแบบสม่ำเสมอด้วย “จำนวนเงินที่เท่าๆ กัน” โดยกำหนด “ความถี่” เช่น ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน และ “ระยะเวลา” ที่ต้องการลงทุนว่า กี่เดือน กี่ปี

 

วิธีนี้จะเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ มนุษย์เงินเดือน เพราะรูปแบบการลงทุนจะใช้เงินไม่มาก “เดือนละพันบาทก็ลงทุนได้” อีกทั้งยังเหมาะกับการลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่อเก็บเงินไว้ใช้หลังวัยเกษียณ ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะทำให้ได้ราคาต้นทุนของหลักทรัพย์แบบถัวเฉลี่ย จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว “แม้ว่าจะไม่ได้กำไรสูงสุด แต่ก็ไม่มีทางขาดทุนแบบกู่ไม่กลับ

TSI_Article_057_Inv_ถัวเฉลี่ยหรือทีเดียว ได้หมดถ้าสดชื่น_01

ตัวอย่างเช่น ลงทุนกองทุนรวมแบบ DCA เดือนละ 2,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน จะได้จำนวนหน่วยลงทุนในแต่ละเดือนไม่เท่ากันตามราคาหน่วยลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อลงทุนครบ 12 เดือน จะมีหน่วยลงทุนทั้งหมด 2,526 หน่วย มีราคาเฉลี่ยหน่วยละ 9.50 บาท ถ้าราคา NAV ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของเดือน ธ.ค. เท่ากับ 10.50 บาท ก็เท่ากับว่า จะได้รับผลตอบแทน 10.51% 

“หลายๆ คนอาจจะบอกว่ายังไม่คุ้นเคยกับการลงทุนแบบ DCA ความจริงแล้วเราคุ้นเคยกันดี นั่นคือ การออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้าเป็นข้าราชการก็ออมผ่าน กบข.) หรือบางคนออมผ่านสหกรณ์ของบริษัทที่ทำงาน โดยให้หักเงินจากบัญชีเงินเดือนอัตโนมัติ นี่ก็คือ รูปแบบการลงทุนแบบ DCA เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น” 

ข้อดีของการลงทุนแบบ DCA

 

  1. ฝึกวินัยการออมและการลงทุนเพราะเป็นการแบ่งเงินไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกๆ งวดไม่ขาดแม้แต่งวดเดียวเป็นระยะเวลานาน ซึ่งการทำเช่นนี้ก็หมายความว่าเราได้สร้างวินัยด้านการเงินให้กับตัวเอง เพราะสามารถกันเงินจากการใช้จ่ายมาเป็นเงินลงทุนได้ทุกงวด เข้าแนวคิดที่ว่า “รายได้ – เงินออม/เงินลงทุน = ค่าใช้จ่าย” หรือ “ออมก่อนใช้” นั่นเอง

  2. ถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุนเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า ปีหน้า 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า ภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร ดังนั้น การลงทุนถัวเฉลี่ยแบบสม่ำเสมอจะทำให้ต้นทุนการลงทุนลดต่ำลงไป ที่สำคัญยังทำให้มั่นใจว่าจะได้ซื้อหุ้นหรือหน่วยลงทุนจำนวนมากที่ราคาต่ำในช่วงตลาดขาลง

  3. ตัดอารมณ์ออกจากการตัดสินใจลงทุนเมื่อวางแผนการลงทุนทุกๆ เดือน จะทำให้นักลงทุนตัดอารมณ์ความรู้สึกออกไปได้ เช่น เดือนนี้ตลาดปรับลดลงก็ได้ลงทุน เดือนถัดไปตลาดปรับขึ้นก็ยังได้ลงทุน เป็นการลดความเครียดหรือความกังวลได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่พลาดโอกาสในการลงทุน ไม่ว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร

 

ลงทุนเงินก้อนครั้งเดียวแบบ Lump Sum


แนวคิดพื้นฐานของ “วิธีการลงทุนแบบครั้งเดียวด้วยเงินก้อน หรือ Lump Sum” คือ การใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อลงทุนในจังหวะเวลาที่ประเมินแล้วว่าเหมาะสม (Market Timing) และมีความมั่นใจว่าในอนาคตราคาสินทรัพย์ที่ลงทุนจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ดังนั้น คนที่เหมาะสมกับวิธีการลงทุนแบบนี้จะต้องเป็นนักลงทุนที่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและภาวะเศรษฐกิจได้ดี มีความรู้เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีเงินก้อนและรอคอยเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนได้ เพราะถ้าหากจับจังหวะลงทุนผิดก็อาจสร้างผลขาดทุนเป็นจำนวนมาก

TSI_Article_057_Inv_ถัวเฉลี่ยหรือทีเดียว ได้หมดถ้าสดชื่น_02

ตัวอย่างเช่น ลงทุนกองทุนรวม โดยใช้เงินลงทุน 24,000 บาท หากจับจังหวะ “ถูก” นำเงินก้อนทั้งหมดเข้าซื้อตอนเดือน เม.ย. โดยมีราคา NAV ณ สิ้นวัน 8 บาท จะได้จำนวนหน่วยลงทุน 3,000 หน่วย (24,000 บาท / 8 บาท) ถ้าราคา NAV ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของเดือน ธ.ค. เท่ากับ 10.50 บาท ก็เท่ากับว่า จะได้รับผลตอบแทนถึง 31.25%

 

แต่กลับกันหากเราจับจังหวะลงทุน “ผิด” นำเงินก้อนทั้งหมดเข้าซื้อตอนเดือน พ.ย. โดยมีราคา NAV ณ สิ้นวัน 11 บาท จะได้จำนวนหน่วยลงทุน 2,181 หน่วย (24,000 บาท / 11 บาท) ถ้าเดือนธ.ค. ราคา NAV ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของปีเท่ากับ 10.50 บาท จะขาดทุน -4.58%

 

ข้อดีของการลงทุนแบบ Lump Sum

 

  1. ได้ผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อตลาดอยู่ในภาวะขาขึ้นเมื่อนักลงทุนมั่นใจว่าภาวะตลาดเป็นขาขึ้นและอยากให้การลงทุนได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ การลงทุนแบบครั้งเดียวจะได้ผลตอบแทนที่ดี เพราะราคาสินทรัพย์จะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ และการลงทุนแบบครั้งเดียวจะมีต้นทุนต่ำกว่าแบบถัวเฉลี่ยในภาวะตลาดขาขึ้น

 

  1. ฝึกการจับจังหวะตลาดเทคนิคการลงทุนแบบครั้งเดียวให้ได้ผล คือ การจับจังหวะแม่นยำ ดังนั้น นักลงทุนต้องมีข้อมูลข่าวสาร การวิเคราะห์ ประสบการณ์การลงทุนสูง ที่สำคัญจะต้องมีความแม่นยำในจังหวะขายด้วย

 

ในโลกความเป็นจริง การลงทุนมีทั้งขาขึ้น ขาลง และความผันผวน ที่สำคัญไม่มีใครสามารถประเมินได้อย่างแม่นยำ 100% ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร ดังนั้น หากเราศึกษาแล้วรู้ว่าวิธีการลงทุนแบบไหนเหมาะกับตัวของเราเอง ก็อย่าลืม... หาความรู้เติมความมั่นใจก่อนการลงทุน และเริ่มต้นลงทุนอย่างมีวินัย เพียงแค่นี้ไม่ว่าจะถัวเฉลี่ยหรือลงทุนทีเดียวก็จะสร้างผลตอบแทนให้ชื่นใจได้แน่นอน

 

สำหรับใครที่สนใจอยากเรียนรู้เทคนิคลงทุนสม่ำเสมอแบบ DCA ในหุ้นดี กองทุนเด่น เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินในระยะยาว สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร วางแผนลงทุนสม่ำเสมอด้วยหุ้นและกองทุน” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: