Cloud, AI, Automation คือ คลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ที่ขับเคลื่อนกระแสลงทุน Data Center ให้มาเร็วและแรงขึ้น
ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีกำลังมีบทบาทอย่างมากต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ การเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ตมีเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ ๆ อาทิ 5G ฝั่งมือถือ หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ฝั่งอินเทอร์เน็ตบ้าน ทำให้มีความเร็วสูงขึ้นมากพอที่จะก่อให้เกิดปริมาณข้อมูลที่แต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์และSmart Devices รวมถึงข้อมูลจากอุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีชิป/เซนเซอร์ที่มีความสามารถเก็บข้อมูล (อุปกรณ์ Internet of Things ต่าง ๆ) จำนวนมหาศาล และต่างที่จะเชื่อมโยงเข้าหากันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพัฒนาการที่สำคัญ นำโดยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลที่เคยถูกเก็บแยกในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ สมาร์ต เริ่มนำขึ้นฝากไว้ที่ Data Center ก่อนพัฒนาสู่ระบบ Cloud เนื่องจากความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้น ช่วยให้มีความสะดวกในการดึงข้อมูลจาก Cloud กลับมาใช้ ภายใต้จุดเด่น Cloud คือ จะมีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายหลักที่ลงทุนและให้บริการ ทำให้มีความคุ้มค่า ทั้งต้นทุนที่ลงทุนในการเก็บและความปลอดภัยของข้อมูลที่ดูแลทั่วถึง ส่งผลให้ความนิยม Cloud เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จนสถานะปัจจุบันพัฒนามาถึงจุดของการใช้ Software ต่าง ๆ ผ่านระบบ Cloud ในส่วนที่เราคุ้นเคย อาทิ Microsoft 365, Salesforce
นอกจากนี้ การใช้อีกรูปแบบผ่านระบบ Cloud ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ที่สามารถเรียนรู้พร้อมประมวลผลข้อมูลมหาศาลในโลกอินเทอร์เน็ตคล้ายระบบการคิด วิเคราะห์ของมนุษย์ โดยปัจจุบันรูปแบบการใช้สำคัญ ๆ ได้แก่
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการ AI ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ได้แก่ ChatGPT, Gemini, Microsoft Copilot อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดของระยะเวลาการประมวลผลผ่านระบบ Cloud ในอีกด้านหนึ่ง พัฒนาการอีกด้านที่เห็น คือ การเริ่มทยอยเปิดตัวคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก Smart Devices ต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาระบบประมวลผลเพิ่มเติม คือ การใส่ชิปประเภท Neural Processing Unit (NPU) จากเดิมที่ในอุปกรณ์มักจะประกอบไปด้วยชิปประเภท Central Processing Unit (CPU) และ Graphics Processing Unit (GPU) เป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถใช้งาน AI ได้จากภายในเครื่อง ซึ่งช่วยในหลากหลายด้าน อาทิ การร่นระยะเวลาประมวลผล เหมาะกับ Use Case บางส่วน เช่น การแปลภาษาระหว่างประชุม, การช่วยรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานที่เป็นประเด็นในฝั่งการใช้งาน AI ผ่านระบบ Cloud รวมถึงในด้านผู้ประกอบการ AI ไม่จำเป็นต้องแบกรับต้นทุนในการเชื่อมต่อสำหรับการใช้งาน AI ในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนโดยไม่จำเป็น
จากรูปแบบฐานข้อมูลที่มีจำนวนมากขึ้นมหาศาล ผสาน พัฒนาการที่ก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ผู้เขียนมองภาพเทคโนโลยีระยะกลาง-ระยะยาวต่อยอดจาก AI คือ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ (Automation) เชื่อว่าหลายอุตสาหกรรมมีโอกาสเดินหน้าไปสู่การพัฒนาระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligence Automation) อาทิ การเกษตรอัจฉริยะ เช่น ระบบรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ใส่ยากำจัดแมลงต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูลภูมิอากาศ และคาดการณ์ในอนาคตโดย AI ช่วยให้ได้ประสิทธิภาพเพาะปลูกสูงสุด หรือแม้แต่ในส่วนของรถยนต์อัตโนมัติ (Automation) ที่คาดว่าต้องมี AI ช่วยประเมินข้อมูลต่าง ๆ ที่เข้ามาระหว่างเดินทางตลอดเวลา ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าเป็นหนึ่งใน Use Case เช่นกัน อย่างไรก็ดี แม้ในส่วนดังกล่าว ยังต้องใช้เวลาอีกมาก ทั้งความจำเป็นที่การลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้การเก็บข้อมูลเป็นระบบระเบียบ การพัฒนา AI ที่มีความสามารถเฉพาะรายอุตสาหกรรม รวมถึงโครงข่ายระบบโทรคมนาคมต่าง ๆ ที่ต้องครอบคลุมได้มากเพียงพอ เพื่อให้การเชื่อมต่อข้อมูลประมวลผลเกิดได้ราบรื่นตลอดเวลา แต่โดยรวมสะท้อนให้เห็นเบื้องหลังของเทคโนโลยีที่กำลังมีบทบาทกับมนุษย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ของดังกล่าว (Cloud, AI, Automation) ทำให้ท่านผู้อ่านน่าจะพอเห็นภาพ บทบาทข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นก้าวกระโดดในอนาคต อ้างอิงผลการศึกษาของหลากหลายสำนักวิจัย ปริมาณการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ข้อมูลผ่านโครงข่ายต่าง ๆ (Data Traffic) ล้วนพบว่า คาดการณ์ปริมาณ/มูลค่ามีแนวโน้มเพิ่มกว่า 2-3 เท่าตัว ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า (ดังภาพ)
Global Data Usage Trend
Source: Researchgate.net ( Possible evolution of total global data traffic toward 2030 [5,9].) Research Division, Krungsri Securities
Source: ResearchAndMarkets.com (finance.yahoo.com) Research Division, Krungsri Securities
Data Center คือ โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของทุกเทคโนโลยีสมัยใหม่ และสร้างโอกาสในหลากหลายธุรกิจ
เบื้องหลังของทุกเทคโนโลยีที่ได้กล่าวถึงข้างต้น คือ ข้อมูล ทำให้โครงสร้างพื้นฐานยุคดิจิทัลหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งพัฒนาการต่าง ๆ กำลังรุดหน้าสอดคล้องกับความก้าวหน้าเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่เป็นเพียงศูนย์เก็บข้อมูลสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมต่าง ๆ พัฒนาสู่ศูนย์ข้อมูลระบบ Cloud และกำลังเป็นภาพการใช้สนับสนุน AI ในปัจจุบัน (รูปแบบการทำงานดังภาพ)
ลักษณะการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างการใช้งาน AI กับโครงสร้างพื้นฐาน Data Center
Source: https://www.coresite.com/blog/ai-models-ai-providers-and-data-centers-keep-learning , Research Division, Krungsri Securities
ทิศทางดังกล่าว ทำให้มีการประเมินภาพการลงทุน Data Center โลกในปี 2024 อยู่ที่ราว 2.56 พันล้านเหรียญฯ จะเติบโตได้อีกมาก โดยสำนักวิจัยต่างประเทศ Precedence Research คาดเติบโตเฉลี่ยปีละ 11.7% ในอีก 10 ปีจากนี้ โดยภูมิภาคอเมริกาเหนือในปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดราว 38% แต่ภูมิภาคที่จะเด่นขึ้น คือ ฝั่งเอเชียแปซิฟิก ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตเร็วที่สุด คาดจะเติบโตราว 3 เท่าตัวใน 10 ปีข้างหน้า โดยหลากหลายสำนักวิจัยประเมินระดับการเติบโต 13-15% ต่อปี
การเติบโตของธุรกิจ Data Center โลกระหว่างปี 2023-2034
ฝั่งอาเซียน หลังจากประเทศหลักที่มีการลงทุน Data Center สูง ๆ ในอาเซียน คือ สิงคโปร์เริ่มเผชิญข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่และพลังงาน โดยกลุ่มผู้ให้บริการ Data Center ที่เข้ามาในอาเซียนในระยะหลัง ๆ มากขึ้น โดยไทยเราถือเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังได้รับความสนใจจากต่างประเทศ เช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ (ดังภาพ)
APAC Data Center Investment Update
Source : Structure Research, Research Division, Krungsri Securities
ทั้งนี้ การขยายตัวของ Data Center เรามองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในกลุ่มประเทศที่มีการลงทุนระดับสูง เนื่องจากมีกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องหลายด้าน กล่าวคือ
1.) สถานที่ตั้ง Data Center ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
2.) อุปกรณ์เทคโนโลยีภายใน Data Center ตั้งแต่
โดยทิศทางกระแสลงทุน Data Center โลกในปัจจุบัน ขณะนี้เราเห็นกระแสหลัก ๆ ดังนี้
Source : https://blog.publiccomps.com/a-primer-on-data-centers/ Research Division, Krungsri Securities
ประเทศไทยกับโอกาส S-Curve ใหม่การลงทุน Data Center และบริการต่อยอด
ประเทศไทย หากอิงตามเกณฑ์การตั้ง Data Center เบื้องต้นดังกล่าวข้างต้น นับว่าเข้าเกณฑ์ที่เหมาะสมกับการลงทุนจากต่างประเทศหลายประการ โดยเฉพาะเงื่อนไขฝั่งสถานที่ตั้งและความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้าและโทรคมนาคม กล่าวคือ
1. ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงานไฟฟ้า ประเทศไทยมีจุดเด่นที่สำคัญ คือ ความมั่นคงพลังงานไฟฟ้า โดยปัจจุบันหากอิงตามเกณฑ์ความมั่นคง (Loss of Load Expectation หรือ LOLE) ซึ่งเป็นดัชนีโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ ผ่านการวัดความน่าจะเป็นที่จะเกิดไฟฟ้าดับในแต่ละช่วงเวลาตลอด 1 ปี พบว่า ระดับดัชนีดังกล่าวอิงตามแผนขยายไฟฟ้า PDP ล่าสุดปี 2024 พบว่าระหว่างปี 2024-2037 ค่าสูงสุดจะอยู่ราว 0.688 วันต่อปี ในปี 2032 บ่งชี้ได้ว่าความมั่นคงพลังงานไฟฟ้าของไทยอยู่ในระดับสูง และเหมาะสำหรับการให้บริการ Data Center ที่ต้องมีไฟฟ้าสำรองตลอดเวลานอกจากนี้ คือ การผ่อนคลายเงื่อนไขการลงทุนโรงไฟฟ้าเอกชนให้เชื่อมต่อกับ Data Center โดยตรงกำลังคืบหน้า (Direct PPA) รวมถึงมีการกำหนดแนวทางการซื้อขายไฟฟ้าหมุนเวียนโดยตรงจาก EGAT ถือเป็นอีกทางเลือก และรัฐบาลไทยผลักดันการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนในประเทศอย่างต่อเนื่อง และไทยนับว่ามีจุดเด่นด้านพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ขณะที่มีผู้ประกอบการที่มีความพร้อมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังหมุนเวียนที่เป็นกระแสหลักในปัจจุบัน โดยเฉพาะฝั่งพลังงานแสงอาทิตย์ หากมีการเพิ่มกำลังให้บริการรองรับ Data Center ที่กำลังขยายตัวในแผนประมูลไฟฟ้าฉบับใหม่ (PDP)
เกณฑ์ความมั่นคงของระบบไฟฟ้าไทย (LOLE)
Source : กระทรวงพลังงาน, รวบรวมโดย Krungsri Securities
ขณะที่ในส่วนประเด็นค่าไฟฟ้าที่เป็นประเด็นว่าอาจจะสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเล็กน้อย เรามองว่า หากแผน Direct PPA เกิดขึ้น และสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนต่ำลงเพิ่มขึ้น ก็น่าจะเป็นอีกตัวช่วยที่ลดเสียข้อได้เปรียบในส่วนดังกล่าวของไทย
Network Coverage ของ ADVANC และ TRUE
ADVANC
TRUE
Source : www.nperf.com , รวบรวมโดย Krungsri Research
แม้อาจจะเริ่มกระบวนการชักชวนผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกให้เข้ามาลงทุนในไทยช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนอยู่บ้าง แต่อิงข้อมูลที่ผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่มีการประกาศแผนในปัจจุบัน คาดหมายกำลังให้บริการ Data Center ที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2023-2028 ของไทย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว สู่ 241 MW จากฐานปี 2023 ราว 67 MW ซึ่งยังอยู่ในโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน (ดังรูปข้างต้น) คือ ขยายตัวจากระดับปัจจุบันราว 3-4 เท่า (ดังตารางเปรียบเทียบ กำลังให้บริการในเอเชียที่จะเพิ่มขึ้นข้างต้น) ผสานกลุ่มที่กำลังเข้ามาลงทุนใหม่ในประเทศไทย โดยรวมแล้ว เราประเมินเม็ดเงินลงทุนที่กำลังจะทยอยเกิดขึ้นในประเทศไทยที่เห็นในปัจจุบันดังนี้
เม็ดเงินลงทุน Data Center ในไทยของผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ ในอีกระยะ 4-5 ปีจากนี้
Source : รวบรวมโดย Krungsri Securities
รวมเม็ดเงินลงทุน Data Center ภายใต้คาดการณ์อนุรักษ์นิยมที่รวมเฉพาะโครงการที่ค่อนข้างมีความชัดเจนในปัจจุบันทั้ง 4 ส่วนแล้ว เราประเมินน่าจะคาดหวังเม็ดเงินลงทุน Data Center ไทยใน 4-5 ปีจากนี้ระดับกำลังให้บริการเพิ่มขึ้นราว 500-600 MW จากสิ้นปี 2023 ที่ราว 67 MW เท่ากับมูลค่าการลงทุน 2.0 แสนล้านบาทขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.25% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบันที่ 16 +/- ล้านล้านบาท โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.25-0.3% ต่อปี นอกจากนี้ ยังไม่รวมการสร้างมูลค่าต่อธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะไทยที่มีโอกาสหนุนองค์ประกอบฝั่งสถานที่ตั้ง Data Center และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการต่อยอดธุรกิจดิจิทัลอื่น ๆ เช่น Digital Transformation ไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่าง ๆ Cloud, AI, Automation ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยรวมเราประเมินจะเป็นบวกอย่างมีนัยฯ ต่อ GDP ในระยะกลาง-ระยะยาวของประเทศได้จริง
ทั้งนี้ ภาพการลงทุนมีโอกาสเร่งตัวมากขึ้นอีกกว่าปัจจุบัน หากไทยทยอยคลายข้อจำกัดของการลงทุนต่าง ๆ เพิ่มเติม อาทิ เงื่อนไขการติดตั้งไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ Direct PPA รวมถึงระบบเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมต่อไปยังต่างประเทศที่ถือเป็นอีกส่วนที่ต้องพัฒนาควบคู่กันไปด้วยในระยะกลาง-ระยะยาว เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และหนุนธุรกิจดังกล่าวเป็น S-Curve ลูกใหม่ของไทย
อุตสาหกรรมและหุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากกระแสการลงทุน Data Center
นอกจากกระแสลงทุน Data Center จะสร้างโอกาสต่อประเทศไทยแล้ว อีกด้านหนึ่งที่มีโอกาสได้รับประโยชน์ คือ ฝั่งธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หากพิจารณา ตามระบบนิเวศ (Ecosystem) ตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำของอุตสาหกรรม Data Center สามารถสรุปอุตสาหกรรมและชุดหุ้นที่เกี่ยวข้อง ได้ดังนี้
กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ตั้ง Data Center และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ทิศทางการลงทุนหุ้นในกลุ่มที่สนับสนุนเชิงโครงสร้างพื้นฐาน เรามองปัจจัยสำคัญ คือ ปัจจัยชี้นำ (Leading Indicators) ที่สำคัญที่นักลงทุนควรติดตาม คือ แผนการเข้ามาลงทุน Data Center ของผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ และแผนการขยายตัวของผู้ประกอบการที่เข้ามาดำเนินธุรกิจแล้ว
กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์และเทคโนโลยีภายใน Data Center
ทิศทางการลงทุนหุ้นในกลุ่มสนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีภายใน Data Center ในการลงทุน ผู้เขียนมอง เราควรมองความเชื่อมโยงวงจรลงทุนผู้ให้บริการ Data Center ระดับโลก หลัก ๆ ประกอบด้วย ความก้าวหน้าเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ รวมถึงอัตราปรับไปใช้งานเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ของทั่วโลกว่ามีศักยภาพเป็นที่นิยมในวงกว้างมากน้อยเพียงใด หากเกิดขึ้นในวงกว้างจะทำให้ภาพธุรกิจ Data Center ที่ต้องลงทุนใหม่จะเร่งตัวขึ้นดังที่เราเห็นรอบล่าสุดฝั่ง AI นอกจากนี้ เรามองว่าจะต้องพิจารณาภาพแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ ในสถานการณ์ช่วงเวลาที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความในปัจจุบัน (ปลายปี 2024) ที่เริ่มมีความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีความเสี่ยงชะลอตัวลง หลังใช้ดอกเบี้ยนโยบายระดับสูงมาอย่างยาวนาน ซึ่งกรณีเข้าสู่ภาวะถดถอย อาจนำมาซึ่งแผนชะลอการลงทุนด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับ Data Center อาทิ บริการ Cloud, การพัฒนา AI ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้