ในช่วงนี้นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตามองไปที่การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ภายหลังจาก ธนาคารกลางในหลายประเทศสำคัญ ได้เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน จึงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม คำถามที่ตามมา คือ นักลงทุนควรคาดหวังอะไรได้บ้างหลังการลดอัตราดอกเบี้ย? โดยเฉพาะในช่วงที่หุ้นยังคงทำจุดสูงสุดใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยจากงานวิจัยเชิงสถิตย้อนหลังตั้งแต่ปี 1972 ซึ่งมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 12 ครั้ง พบว่าภายหลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกแล้วเศรษฐกิจขยายตัว ตลาดหุ้นอาจมีผันผวนบ้างแต่ไม่เกิน 30 วัน โดยผลตอบแทนก็จะกลับมาบวก แต่หากปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้วเกิดเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นอาจจะปรับตัวลงและต้องรอถึง 150 วัน (5 เดือน) กว่าตลาดจะฟื้นกลับมาได้
หากพิจารณาข้อมูลหลังปี 1990 เป็นต้นมา พบว่าหุ้นกลุ่มเติบโตและหุ้นขนาดเล็กจะเป็นผู้ชนะ โดยให้ผลตอบแทนที่ดีสุดในบรรดาหุ้นกลุ่มอื่น ๆ
หมายเหตุ : การเลือกใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา จะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าการใช้ข้อมูลระยะยาวกว่านั้น เพราะเฟดเพิ่งจะมาเริ่มใช้มาตรการปรับขึ้นและลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการควบคุมความร้อนแรงของเศรษฐกิจ (เงินเฟ้อ) ตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา โดยก่อนหน้านี้ ใช้การควบคุมเป็นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร หรือวิธีอื่น ๆ
คำถามหลังจากเฟดรับลดอัตราดอกเบี้ย
โอกาสการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
ตลาดเกิดใหม่มักได้รับอานิสงส์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ด้วยเหตุผลหลายประการ
กลยุทธ์การลงทุนในตลาดเกิดใหม่
การลงทุนในช่วงที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นักลงทุนควรจัดสรรพอร์ตลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ทั้งสภาวะเศรษฐกิจมหภาค ความผันผวนของตลาดการเงิน และความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละสินทรัพย์ การกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์และภูมิภาค ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ ควรประเมินสถานะทางการเงินตัวเอง เป้าหมายการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนตัดสินใจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน