12 หุ้น ให้อัตราปันผลตอบแทนเกิน 6%

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3 Min Read
10 กันยายน 2567
30.868k views
TSI_Article_617_Inv_Thumbnail
Highlights
  • หุ้นปันผลเป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงตลาดหุ้นผันผวน โดยหุ้นที่มีอัตราปันผลตอบแทนสูง มักมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

  • อัตราปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เป็นตัวบ่งชี้ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจากเงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้น

  • อัตราปันผลตอบแทนที่สูง ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวในการเลือกหุ้นปันผล นักลงทุนควรพิจารณาประวัติการจ่ายเงินปันผล ฐานะการเงิน และศักยภาพในการเติบโตของบริษัทด้วย

ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน การประเมินมูลค่าหุ้นเป็นเรื่องท้าทาย แต่นักลงทุนยังคงต้องการให้เงินทำงาน การเลือกลงทุนในหุ้นปันผลที่มั่นคงจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หุ้นเหล่านี้มักมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง สามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอแม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอสามารถดูจากอัตราปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 

 

อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ คิดจากมูลค่าปันผลต่อหุ้นเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้น ซึ่งหากหุ้นตัวใดมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง แสดงว่าให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลสูง ซึ่งวิธีการเปรียบเทียบนั้น ส่วนใหญ่นักลงทุนจะเปรียบเทียบระหว่างหุ้นแต่ละตัว เพื่อดูว่าตัวใดน่าสนใจมากกว่ากัน

อัตราปันผลตอบแทน = เงินปันผลต่อหุ้น (ต่อปี) x 100 / ราคาหุ้น

 

ตัวอย่าง หุ้น A จ่ายเงินปันผล 3 บาท และวันที่คำนวณ (1 กันยายน 2567) ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 40 บาท ผลลัพธ์ จะมีอัตราปันผลตอบแทน 7.5%

 

ขณะที่หุ้น B จ่ายเงินปันผล 3 บาท และวันที่คำนวณ (1 กันยายน 2567) ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 60 บาท ผลลัพธ์ จะมีอัตราปันผลตอบแทน 5%

 

จากตัวอย่าง สังเกตว่าถึงแม้หุ้นทั้งสองตัวจะมีเงินปันผลเท่ากัน (3 บาทต่อหุ้น) แต่หุ้น A กลับมีอัตราปันผลตอบแทนสูงกว่าหุ้น B เนื่องจากมีราคาหุ้นต่ำกว่า หมายความว่า หากนักลงทุนซื้อหุ้น A ที่ระดับราคา 40 บาท และหุ้น A จ่ายเงินปันผล 3 บาทต่อหุ้นเท่าเดิม ก็จะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล 7.5% ต่อปี                                      


จะสังเกตได้ว่า นักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นที่มีอัตราปันผลตอบแทนสูง ๆ มักจะเป็นนักลงทุนที่เน้นลงทุนในระยะยาว เพื่อรับเงินปันผลทุก ๆ ปีไปเรื่อย ๆ คล้าย ๆ กับการที่นำเงินไปฝากออมไว้ในธนาคารพาณิชย์ เพื่อรับดอกเบี้ยเงินฝาก

 

โดยอัตราปันผลตอบแทน ถือเป็นเกราะป้องกันชั้นเยี่ยมของการลงทุน สามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น ยิ่งหุ้นตัวไหนให้อัตราปันผลตอบแทนสูง ๆ จะได้รับความนิยมจากนักลงทุนระดับสูงเช่นเดียวกัน

เหตุผลที่หุ้นปันผลน่าสนใจ

รายได้สม่ำเสมอ      นักลงทุนได้รับเงินปันผลเป็นประจำ ไม่ต้องรอขายหุ้นถึงจะมีกำไร

ความเสี่ยงต่ำ          บริษัทที่จ่ายปันผลมักเป็นธุรกิจที่มั่นคง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี

พลังของการทบต้น   นักลงทุนสามารถนำเงินปันผลไปลงทุนต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

ป้องกันเงินเฟ้อ        หุ้นปันผลช่วยรักษามูลค่าเงินในระยะยาว

 

วิธีคัดกรองหุ้นปันผลคุณภาพดีเบื้องต้น

  1. มองหาอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สมเหตุสมผล ควรมองหาหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับที่พอดี เพราะหากสูงเกินไปอาจหมายถึงบริษัทไม่เหลือเงินไว้ลงทุนต่อยอด แต่ถ้าต่ำเกินไปก็อาจไม่ดึงดูดนักลงทุน
  2. ประวัติการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ บริษัทที่จ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเวลาหลายปี แสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน
  3. วิเคราะห์ฐานะการเงินของบริษัท ไม่ใช่แค่ดูปันผลอย่างเดียว ต้องดูสุขภาพทางการเงินของบริษัทด้วย เช่น มีผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอ (ไม่ขาดทุน) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก เพราะสะท้อนถึงสภาพคล่องและการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท หรืออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ควรอยู่ในระดับต่ำ (ยิ่งต่ำยิ่งดี) แสดงว่าบริษัทพึ่งพาเงินกู้น้อย

 

อย่างไรก็ตาม อัตราปันผลตอบแทน ซึ่งคำนวณจากการจ่ายเงินปันผลในอดีตในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถรับประกันได้ว่าการจ่ายเงินปันผลจะเหมือนเดิมในอนาคต อีกทั้ง เงินต้นจากการลงทุน จะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น อัตราปันผลตอบแทนเป็นเพียงตัวบ่งชี้เพื่อการตัดสินใจของนักลงทุน

 

อัตราปันผลตอบแทนสูง เป็นเครื่องมือวัดที่นักลงทุนใช้ประเมินผลตอบแทนจากเงินปันผลเทียบกับราคาหุ้น แม้จะดึงดูดใจ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่ต้องระวัง ดังนั้น การคัดกรองหุ้นปันผลคุณภาพดีควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น อัตราการจ่ายเงินปันผล ประวัติการจ่าย สถานะทางการเงิน และศักยภาพการเติบโต โดยก่อนตัดสินใจลงทุน ควรศึกษาข้อมูลรอบคอบ ทั้งงบการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน แนวโน้มอุตสาหกรรม และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ

Table highlighting 12 stocks offering dividend yields above 6%.

เงื่อนไขการจัดอันดับ

  1. อัตราเงินปันผลตอบแทน 6% ขึ้นไป
  2. กำไรสุทธิเป็นบวก (ห้ามขาดทุน) ตลอด 5 ปีล่าสุด (2562 – 2566)
  3. กำไรสุทธิงวด 6 เดือนปี 2567 เป็นบวก (ห้ามขาดทุน)
  4. D/E Ratio ต่ำกว่า 1 เท่า
  5. เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวก (ไตรมาส 2 ปี 2567)
  6. เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุนติดลบ (ไตรมาส 2 ปี 2567)
  7. เงินสดสุทธิเป็นบวก (ไตรมาส 2 ปี 2567)

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจ เรียนรู้เทคนิคการคัดกรองหุ้นด้วยการใช้งานเครื่องมือ Settrade Stock Screening เพื่อให้ได้หุ้นดี โดนใจ โดยไม่ต้องใช้เวลาค้นหานาน สามารถเรียนรู้ได้ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Stock Screening” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
แท็กที่เกี่ยวข้อง: