5 กลยุทธ์เอาชนะตลาดผันผวน

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2 Min Read
27 สิงหาคม 2567
5.273k views
TSI_Article_613_Inv_Thumbnail
Highlights
  • รับมือความผันผวนของตลาดหุ้นด้วยกลยุทธ์ลงทุนที่รอบคอบและยืดหยุ่น หลีกเลี่ยงการตัดสินใจบนพื้นฐานของอารมณ์ กระจายการลงทุน และมองความผันผวนเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นที่ดี

  • การลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging (DCA) ช่วยรับมือกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ลดความเครียด และลดการพยายามจับจังหวะตลาด

  • การมีสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพและสินทรัพย์ที่สร้างรายได้สม่ำเสมอในพอร์ตลงทุนช่วยสร้างความมั่นคง ลดความเสี่ยง และเปิดโอกาสในการลงทุนเมื่อราคาตลาดปรับลดลง

ในภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวนที่รุนแรงและบ่อยครั้ง จนสร้างความท้าทายอย่างมากสำหรับนักลงทุน และเมื่อเห็นมูลค่าของพอร์ตลงทุนลดลงอย่างรวดเร็วอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและอาจส่งผลเสียต่อเป้าหมายในระยะยาว ดังนั้น จึงต้องรับมือกับความผันผวนด้วยการวางกลยุทธ์ลงทุนที่รอบคอบและยืดหยุ่น

 

1. อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์
การขายหุ้นออกด้วยความกลัวในช่วงที่ตลาดผันผวนหรือในช่วงที่ราคาตกต่ำ อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น พลาดโอกาสในการซื้อคืนเมื่อราคาเริ่มฟื้นตัว สูญเสียโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน (อาทิ เงินปันผล) โดยข้อมูลจาก J.P. Morgan Asset Management ในรายงาน Guide to the Markets พบว่า นักลงทุนที่พลาดช่วงเวลาที่ตลาดให้ผลตอบแทนสูงสุดเพียง 10 วันในช่วง 20 ปี จะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนต่อเนื่องถึง 50% แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อรับมือกับความไม่สบายใจในช่วงที่ตลาดผันผวน ควรมีกลยุทธ์ ดังนี้
  • มีแผนการลงทุนระยะยาวที่ชัดเจนและยึดมั่นในแผนดังกล่าว
  • กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท
  • มองความผันผวนเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่ถูก
  • ทบทวนพอร์ตลงทุนเป็นระยะ แต่หลีกเลี่ยงการดูราคาหุ้นบ่อยเกินไป

 

การเข้าใจและปฏิบัติตามหลักการดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น และมีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะยาวมากขึ้น

 

2. ลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด

การลงทุนแบบสม่ำเสมอ (Dollar Cost Averaging : DCA) เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายสำหรับการลงทุนระยะยาว วิธีนี้เป็นการลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่า ๆ กันเป็นประจำ (เช่น รายเดือน) โดยไม่คำนึงถึงราคาตลาด ณ ขณะนั้น ข้อดี คือ ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อราคาตลาดปรับลดลงก็จะได้ซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลง หรือซื้อกองทุนรวมโดยได้หน่วยลงทุนมากขึ้น ซึ่งในระยะยาวจะช่วยให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ พบว่า DCA ยังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่เกี่ยวกับการลงทุน เนื่องจากนักลงทุนไม่ต้องกังวลกับการจับจังหวะตลาด

 

3. ทบทวนและปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสม

การทบทวนและปรับสมดุลของพอร์ตลงทุนเป็นกลยุทธ์สำคัญที่นักลงทุนใช้เพื่อรักษาประสิทธิภาพของการลงทุนในระยะยาว ซึ่งควรทำเป็นประจำ (อย่างน้อยปีละครั้งหรือทุก 6 เดือน) โดยตรวจสอบว่าสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเภทสินทรัพย์ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ หากพบว่าสัดส่วนเปลี่ยนแปลงไปมาก อาจต้องขายบางส่วนที่เพิ่มขึ้นและซื้อส่วนที่ลดลงเพื่อรักษาสมดุล

 

นอกจากนี้ การปรับสมดุลจะช่วยรักษาระดับความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยง ที่สำคัญการทบทวนพอร์ตลงทุนยังเป็นโอกาสอันดีในการพิจารณาว่าเป้าหมายหรือสถานการณ์ของนักลงทุนเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ลงทุนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น หากปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้มีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น

 

4. การใช้สินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ

ในโลกของการลงทุนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมีสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพในพอร์ตลงทุนถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม สินทรัพย์ประเภทนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น ซึ่งสามารถสร้างสมดุลและความมั่นคงให้กับพอร์ตลงทุนโดยรวม

 

โดยหนึ่งในคุณสมบัติเด่นของสินทรัพย์เหล่านี้ คือ ความผันผวนต่ำ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตลงทุน ในขณะที่ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวนรุนแรง สินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมักให้ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้และค่อนข้างแน่นอน แม้ว่าผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่ากับหุ้นในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น แต่ให้ความมั่นคงในช่วงที่ตลาดผันผวน

 

นอกจากนี้ สินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพยังทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนสำรองที่มีประสิทธิภาพด้วย ในช่วงที่ตลาดผันผวนและราคาสินทรัพย์เสี่ยงสูงปรับลดลง นักลงทุนสามารถใช้เงินจากสินทรัพย์เหล่านี้เพื่อลงทุนในโอกาสใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ หมายความว่า การมีเงินพร้อมใช้ในสถานการณ์ผันผวนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

5. เลือกลงทุนสินทรัพย์ที่สร้างรายได้

การลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับนักลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน โดยหากพอร์ตลงทุนเน้นสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น หุ้นปันผลสูงและพันธบัตรรัฐบาล จะสามารถลดความผันผวนได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับพอร์ตลงทุนที่เน้นการเติบโตเพียงอย่างเดียว

 

โดยรายได้ประจำจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ไม่เพียงช่วยชดเชยการลดลงของมูลค่าสินทรัพย์ในช่วงตลาดเป็นขาลง ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนนำเงินกลับมาลงทุนต่อในช่วงที่ราคาอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นการเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว ที่สำคัญการมีกระแสเงินสดจะช่วยให้รู้สึกมั่นคงและลดแรงกดดันที่จะต้องขายสินทรัพย์ในราคาต่ำเพื่อสร้างสภาพคล่องด้วย

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้วิธีการสร้างและบริหารพอร์ตหุ้นอย่างมืออาชีพ พร้อมเจาะลึกเทคนิคจัดทำแผนการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Portfolio Strategy” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
แท็กที่เกี่ยวข้อง:

e-Learning น่าเรียน