ความแตกต่างของผลตอบแทนใน Digital Token กับการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ

โดย SET
3 Min Read
3 สิงหาคม 2567
1.957k views
TDX_Article_543
In Focus

วิกฤติรอบนี้ ถือเป็นรอบที่ดี เพราะวิกฤติเดียว ทำให้เราได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง เช่น จะเอาตัวเองให้รอดในตลาดหุ้นอย่างไร ต้องปรับตัวอะไร ตลาดหุ้นเป็นยังไง ผู้บริหารบริษัทที่เราลงทุนเก่งหรือไม่

ผลตอบแทนใน Digital Token ต่างจากการลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ และ REIT อย่างไร? พร้อมการคำนวณภาษี

นักลงทุนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลตอบแทนของการลงทุนใน Digital token ว่าเป็นอย่างไร แตกต่างจากการลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ และ REIT มากน้อยแค่ไหน จึงขอนำข้อมูลทั้งหมดมาแนะนำให้เข้าใจมากขึ้น พร้อมแชร์วิธีในการคำนวณภาษีจาก Digital Token ด้วย

รูปแบบการลงทุนและผลตอบแทนของ Digital Token

Digital Token คือ การนำเอาสินทรัพย์ของบริษัทมาแปลงเป็นโทเคนดิจิทัลที่แตกเป็นหน่วยย่อยซึ่งอยู่บนระบบบล็อกเชน (Asset Tokenization) เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ทำการซื้อ Token ดังกล่าวตามราคาที่กำหนดเอาไว้ โดยผลตอบแทนจาก Digital Token มีได้ดังนี้

  1. กำไรจากการขายโทเคน (capital gain)
  2. ผลตอบแทนที่ผู้ถือโทเคนได้รับ (มีลักษณะคล้าย dividend ที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากการลงทุนในหุ้น)
  3. กำไรจากราคาสินทรัพย์อ้างอิงที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต (upside gain)
  4. สิทธิประโยชน์ด้าน Utility เช่น สิทธิในการแลกสินค้าหรือบริการ หรือใช้เป็นส่วนลด เป็นต้น

โดยรายละเอียดของผลตอบแทนเหล่านี้จะมีการระบุอยู่ใน Whitepaper

สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ และ REIT มีดังนี้

ผลตอบแทนของหุ้น

  1. กำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain)
  2. เงินปันผลที่บริษัทจ่ายให้ผู้ถือหุ้น (Dividend)
  3. สิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น สิทธิในการเข้าร่วมประชุมเพื่อออกเสียงลงคะแนนในเรื่องที่สำคัญ ๆ ของบริษัท, สิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่ของบริษัทก่อนบุคคลทั่วไป เป็นต้น

ผลตอบแทนของหุ้นกู้
นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย ซึ่งอาจกำหนดเป็นอัตราคงที่หรืออัตราลอยตัวก็ได้ และวิธีการจ่ายอาจจ่ายเป็นงวด ๆ แบบสม่ำเสมอ หรือจ่ายเพียงครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดอายุก็ได้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนด

ผลตอบแทนจาก REIT
จะแบ่งได้เป็น “Freehold” และ “Leasehold”
กรณี Freehold นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจาก

  1. การนำทรัพย์สินออกให้เช่า
  2. มูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต (upside gain)

ขณะที่ Leasehold ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์จนหมดอายุสัญญาเช่า โดยเงินที่ REIT จ่ายคืนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในแต่ละปีจะมีทั้งผลตอบแทนและเงินต้นรวมอยู่ด้วย ดังนั้น NAV ของ REIT ประเภท Leasehold จะลดลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นศูนย์เมื่อครบอายุตามสัญญา

การคำนวณภาษีผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนใน Digital Token หุ้น หุ้นกู้ และ REIT ของนักลงทุนทั่วไป

  1. Digital Token – แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
    • กำไรที่ได้จากการขายโทเคน (Capital gain) ผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. จะ “ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย” โดยในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีที่มีผลขาดทุนจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกิดขึ้นในปีเดียวกันสามารถนำมาหักกลบกับกำไรที่เกิดจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้
    • ผลตอบแทนที่ผู้ถือโทเคนได้รับ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% และยังต้องนำรายได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย แต่ข่าวดีก็คือ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ครม. ได้มีมติอนุมัติร่างกฎหมายเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนที่ผู้ถือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ได้รับตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป และได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ไว้แล้ว ให้ถือเป็น Final Tax ที่ไม่ต้องนำรายได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก แต่หากนักลงทุนมีการจ่ายภาษีต่ำกว่า 15% สามารถขอคืนส่วนต่างที่ถูกหักไปได้
  2. หุ้น
    • กำไรที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ บุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ แต่หากเป็นนักลงทุนประเภทนิติบุคคล จะต้องนำเงินกำไรดังกล่าวรวมเป็นรายได้เพื่อคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
    • เงินปันผลจากหุ้น ไม่ว่านักลงทุนเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 10 แต่นักลงทุนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาสามารถเลือกไม่นำไปรวมคำนวณภาษีได้ (หรือที่เรียกว่า Final Tax)
  3. หุ้นกู้
    • รายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการลงทุนในหุ้นกู้ รวมทั้งกำไรจากการขายหุ้นกู้ บุคคลธรรมดาต้องเสียภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 จากรายได้ จึงไม่ต้องนำไปคำนวณในภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Final Tax) ในส่วนนักลงทุนที่เป็นนิติบุคคล จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 1
  4. REIT
    • ผลประโยชน์ตอบแทนของนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาได้รับ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 10 จากรายได้เรียบร้อยแล้ว จึงสามารถเลือกไม่นำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Final Tax) ได้ ส่วนนักลงทุนที่เป็นนิติบุคคลจะเสียภาษีในอัตราปกติ
    • กำไรที่ได้จากการขายหน่วย REIT นักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นภาษี ส่วนนักลงทุนที่เป็นนิติบุคคลเสียภาษีในอัตราปกติ

ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างในด้านผลตอบแทนและภาระภาษีจากการลงทุนใน Digital Token หุ้น หุ้นกู้ และ REIT ซึ่งใครที่สนใจลงทุนกับ Digital Token ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า “สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงโปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้”

แท็กที่เกี่ยวข้อง: