การปลอดหนี้เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา เช่นเดียวกับนักลงทุนที่มองหาบริษัทที่มีภาระหนี้สินต่ำหรือไม่มีเลย เนื่องจากระดับหนี้สินที่ต่ำสะท้อนถึงความเสี่ยงทางการเงินที่น้อยลง บริษัทที่มีหนี้สินต่ำหรือปราศจากหนี้มักจะมีสภาพคล่องสูง หรือที่เรียกว่า รวยเงินสด (Cash Rich)
ข้อดีของบริษัทที่รวยเงินสด
D/E Ratio คือ อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ดู Leverage ของบริษัท กล่าวคือบริษัทใช้หนี้มากขนาดไหนเพื่อสร้างผลตอบแทน ตัวอย่างเช่น บริษัทสองแห่งสร้างผลการดำเนินงานได้เท่ากัน บริษัทที่มีหนี้สินมากกว่าจะทำผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นสูงกว่า หรือ มี ROE มากกว่า เพราะใช้เงินกู้ลงทุนมาดำเนินธุรกิจ (ใช้เงินทุนของผู้ถือหุ้นน้อย)
ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้น นักลงทุนไม่ควรลืมดูบริษัทที่มีหนี้น้อยหรือไม่มีเลยผ่านอัตราส่วนทางการเงินที่เรียกว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกว่าบริษัทใช้เงินกู้มากแค่ไหนเมื่อเทียบกับเงินทุนของตัวเอง “ยิ่งค่านี้ต่ำ ก็ยิ่งแสดงว่าบริษัทพึ่งพาเงินกู้น้อย” หมายถึงความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำลงด้วย
ทำไมหุ้นที่มี D/E Ratio ต่ำถึงน่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม นอกจากการมองหุ้นที่มี D/E Ratio ต่ำ ต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย
หลังจากพิจารณา D/E Ratio แล้ว ควรพิจารณาอัตราส่วนที่เรียกว่า DSCR (Debt Service Coverage Ratio) ซึ่งเป็นเหมือน “เครื่องวัดความสามารถในการจ่ายหนี้” ของบริษัท หากค่า DSCR สูง แสดงว่าบริษัทมีเงินเหลือพอที่จะจ่ายหนี้สบาย ๆ แต่ถ้าอยู่ในระดับต่ำ อาจต้องเริ่มกังวลว่ามีเงินเหลือพอจ่ายหนี้จริง ๆ แค่ไหน
ดังนั้น นักลงทุนจะใช้ค่า DSCR เป็นเหมือน “สัญญาณเตือนภัย” หากต่ำกว่า 1 แสดงว่าบริษัทกำลังมีปัญหา อาจต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อจ่ายหนี้เก่า แต่ถ้าสูงกว่า 1 ก็ถือว่าน่าสบายใจ “ยิ่งสูง ยิ่งดี”
เครื่องมือวัดสุขภาพทางการเงินถัดมา คือ อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดภาระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Interest Bearing Debt to Equity Ratio : IBD/E Ratio) อัตราส่วนนี้เป็นเหมือนเครื่องวัดไข้ทางการเงินที่บอกว่าบริษัทนั้น ๆ ร้อน (มีความเสี่ยง) แค่ไหน โดยเทียบหนี้สินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยกับเงินทุนของเจ้าของ โดยปกติค่านี้ไม่ควรเกิน 1 ดังนั้น ยิ่งค่านี้ต่ำ (ต่ำกว่า 1) แสดงว่ามีความเสี่ยงทางการเงินต่ำ หากค่านี้สูงแปลว่าบริษัทกู้เงินสูง
มาถึงอัตราส่วนที่บอกว่าบริษัทจะรอดหรือร่วง เพราะหลาย ๆ ครั้ง นักลงทุนอาจสงสัยว่าทำไมบางบริษัทที่ทำกำไรได้ดี แต่กลับล้มละลาย สามารถค้นหาคำตอบได้จาก อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) เพราะบอกว่าบริษัทมีกำไรมากพอจะจ่ายดอกเบี้ย โดยปกติค่านี้ต้องสูงกว่า 1 แสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน และโอกาสที่จะเติบโตในอนาคต (ยิ่งสูง ยิ่งดี) ตรงกันข้ามหากค่าน้อยกว่า 1 แปลว่า บริษัทมีกำไรในการจ่ายดอกเบี้ยได้บางส่วน และค่าเป็นศูนย์ (0) หรือติดลบ หมายถึงไม่มีกำไรหรือขาดทุน จึงไม่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ย
เงื่อนไขการจัดอันดับ
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทปราศจากหนี้สินไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป สำหรับบริษัทที่มีธุรกิจมั่นคงในระดับหนึ่งและมีสินทรัพย์ถาวรที่สามารถใช้ค้ำประกันได้ การมีหนี้บางส่วนอาจเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตทางธุรกิจ สิ่งสำคัญ คือ การรักษาสมดุลและระมัดระวังไม่ให้ระดับหนี้สูงเกินไปจนก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการดำเนินงานในระยะยาว
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน