ลงทุนหุ้นชั้นนำระดับโลก สร้างโอกาสเติบโตให้พอร์ต

โดย ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)
5 Min Read
8 พฤษภาคม 2567
849 views
S__3481657_0

         ปัจจุบันวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจยุคใหม่ (New Economy) ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ธุรกิจที่สามารถสร้างสรรค์การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้ เป็นธุรกิจที่อยู่รอดและมีศักยภาพการเติบโตสูงตามเทรนด์ของโลก การลงทุนในหุ้นของธุรกิจกลุ่มนี้จึงมีความน่าสนใจและมีโอกาสสร้างพอร์ตให้เติบโตสูง ธุรกิจเหล่านี้ที่เรียกกันว่าเป็น New Economy มีอยู่หลากหลายธุรกิจด้วยกัน ตัวอย่างเช่น กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Infrastructure ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล หรือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Cloud Computing ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ในด้านนี้ก็อย่างเช่น Apple, Alphabet หรือ Google, Microsoft และ Baidu ซึ่งเป็นรู้จักกันดี

 

         อีกตัวอย่างหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน คือ กลุ่มธุรกิจที่เป็นผู้นำเสนอบริการต่อยอดจาก Infrastructure ดังกล่าว เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และวิถีการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปของคนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Meta Platform (META) และ Tencent ซึ่งให้บริการ Facebook, Instagram และ WeChat นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจที่พัฒนาแพลตฟอร์มที่นำเสนอสินค้าและบริการให้แก่ผู้บริโภคออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกอีคอมเมิร์ช เช่น Amazon, Alibaba หรือจะเป็นออนไลน์ทราเวลเอเจนซี่อย่าง Booking ที่ผู้ใช้งานสามารถสำรองหรือซื้อบริการเกี่ยวกับการพักผ่อนท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร รวมถึงผู้ให้บริการสตรีมมิ่งวิดีโออย่างเช่น Netflix ที่ปฏิวัติวงการรับชมความบันเทิง ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้เป็นบริการแบบใหม่ที่ท้าทายธุรกิจในแบบดั้งเดิมจนสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคได้สำเร็จ

 

          ตัวอย่างสุดท้าย ซึ่งเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา คือ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าหรือที่เรียกกันว่ารถ EV (Electric Vehicle) เช่น Tesla และ BYD สังเกตได้ว่าปัจจุบันมีผู้นิยมใช้รถ EV กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เนื่องด้วยสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ ประกอบกับพัฒนาการของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น เทคโนโลยีของแบตเตอรี่ เทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้าแบบพลังงานสะอาด ช่วยสนับสนุนให้มีความสนใจใช้รถ EV มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคน้ำมันแพง และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ สอดรับกับกระแสที่ผู้คนต่างตื่นตัวเรื่องการบริโภคอย่างยั่งยืน คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

         การลงทุนในหุ้นบริษัทกลุ่มธุรกิจ New Economy จะช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจยุคใหม่ เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ขอยกตัวอย่างเป็นหุ้นกลุ่มที่เป็นบริษัทชั้นนำของกลุ่มธุรกิจใหม่นี้ที่เรียกกันว่า “Magnificent 7” ซึ่งประกอบด้วย Alphabet (Google), Amazon.com, Apple, Meta Platforms, Microsoft, Nvidia และ Tesla  ซึ่งจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าในปี 2023 ที่ S&P 500 ให้ผลตอบแทน 26% นั้น ในผลตอบแทนนี้เป็นผลมาจากหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 กว่า 62% และเมื่อพิจารณาข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาก็พบว่าราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัท เห็นได้จากกราฟอัตราผลตอบแทนจากราคาของหุ้นทั้ง 7 ช่วงปี 2020-2024 (25 เม.ย. 2024)


รูปแสดงอัตราผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น Magnificent 7
ปี 2020-2024 (25 เม.ย. 2024)

111111

ที่มาข้อมูลราคาหุ้น: Yahoo Finance

         สำหรับผู้ลงทุนไทยที่ต้องการลงทุนในบริษัทระดับโลกเหล่านี้ สามารถลงทุนได้ง่ายและสะดวกผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทยด้วย DR (Depositary Receipt) ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่แสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยบริษัทผู้ออก DR จะเป็นผู้ไปซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศมาแล้วออกเป็น DR ให้ผู้ลงทุนไทยถือ ซึ่งผู้ถือ DR จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่นเดียวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเองโดยตรง ข้อดีคือซื้อขายง่ายด้วยเงินบาท ผ่านบัญชีที่เปิดกับบริษัทหลักทรัพย์ไม่ต่างจากการซื้อขายหุ้นทั่วไป โดยปัจจุบันนอกจากจะมี DR ซึ่งกำหนดซื้อขายขั้นต่ำที่ 1 หน่วย DR แล้ว และยังมี DRx (Fractional Depositary Receipt) ที่สามารถซื้อขายเป็นจำนวนบาทได้และยังเปิดให้ซื้อขายในเวลาที่สอดคล้องกับตลาดอ้างอิงอีกด้วย

         หุ้นและดัชนีต่างประเทศที่ DR และ DRx อ้างอิงนั้น เป็นหลักทรัพย์ที่ถูกคัดสรรเป็นอย่างดีแล้วจากบริษัทผู้ออก ว่าเป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วยหุ้นและ ETF ซึ่งอ้างอิงดัชนีจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน เวียดนาม สิงคโปร์ และญี่ปุ่น นอกเหนือจากหุ้นบริษัทที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีหุ้นบริษัทนวัตกรรมที่มีศักยภาพเติบโตตามเศรษฐกิจยุคใหม่และบริษัทยักษ์ใหญ่มั่นคงที่มีประวัติยาวนาน อื่นๆ อีก เช่น Nvidia, Starbucks, Xiaomi, LVMH, Singapore Airline, Singapore Telecommunications, Ping An Insurance เป็นต้น  ดังนั้น หากผู้ลงทุนสนใจโอกาสการลงทุนในหุ้นที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก แล้ว การลงทุนใน DR และ DRx ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ผู้ลงทุนควรพิจารณา ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.setinvestnow.com

แท็กที่เกี่ยวข้อง: