ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ทองคำ” เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา หลังราคาทองคำโลกปรับขึ้นแตะระดับ 2,431 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2567 ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยปรับตัวขึ้น 12% นับจากต้นปี ดีกว่าภาพรวมตลาดหุ้นโลกที่สะท้อนจากดัชนี MSCI World ที่ปรับขึ้นราว 5% ในช่วงเวลาเดียวกัน
โดยปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา คือ ความขัดแย้งอิหร่านกับอิสราเอล ความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) เริ่มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรก ความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ไปจนถึงธนาคารกลางจีนได้ซื้อทองคำต่อเนื่อง 17 เดือนติดต่อกัน เพื่อเป็นเงินทุนสำรองกระจายความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนทองคำ ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายทั้งทองคำแท่ง, กองทุนรวมทองคำ, ETFs ทองคำต่างประเทศ หรือสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า เป็นต้น ขณะเดียวกันก็สามารถลงทุนได้ทั้งเก็งกำไรระยะสั้นและถือยาว ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนก็ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและถามตัวเองว่าถนัดกับการลงทุนประเภทใด
ETFs ทองคำต่างประเทศ
ETFs เป็นเครื่องมือช่วยกระจายการลงทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศ หากพูดถึงตลาด ETFs ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ต้องนึกถึงตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่มี ETFs จดทะเบียนมากกว่า 3,300 กอง ด้วยมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการ (AUM) รวมกันประมาณ 323 ล้านล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งราว 72% ของมูลค่า AUM ของ ETFs ทั่วโลก
ในขณะที่ ETFs ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและในโลก คือ กองทุน SPDR Gold Shares (GLD) ซึ่งมีมูลค่า AUM ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท โดยมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งจริง ทำให้การลงทุนใน GLD เปรียบเสมือนว่านักลงทุนได้ถือทองคำแท่งในทางอ้อม โดยสามารถซื้อขายได้สะดวกบนตลาดหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงและมีความโปร่งใส
อย่างไรก็ดี ETFs ทองคำจะมีค่าธรรมเนียมการจัดการ เช่น กรณีของ GLD จะอยู่ที่ราว 0.4% ต่อปี เนื่องจากผู้ออกต้องมีการบริหารจัดการทองคำแท่งที่ถูกจัดเก็บไว้ที่ห้องนิรภัยในลอนดอน ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถลงทุนใน GLD ETFs โดยตรงได้ผ่านแพลตฟอร์มลงทุนต่างประเทศของบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดให้บริการ
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าบน TFEX
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นักลงทุนมักใช้เพื่อการเก็งกำไรราคาทองคำ โดยปัจจุบันบริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX มีสินค้าซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงกับราคาทองคำ 3 ประเภท
หากเปรียบเทียบระหว่าง GLD ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Gold Online Futures ที่ซื้อขายในตลาด TFEX ของไทย ที่มีการอ้างอิงกับราคาทองคำโลกเช่นเดียวกัน ประเมินว่าการลงทุนผ่าน GLD เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนทองคำในระยะยาว หรือการจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation เนื่องจาก ETFs จะมีผู้จัดการกองทุนบริหารให้และเปรียบเสมือนว่าได้ถือทองคำแท่งในทางอ้อม รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องการหมดอายุของสัญญาเหมือนกับ Gold Online Futures ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการเก็งกำไรราคาทองคำในระยะสั้น เนื่องจากมีอัตราทด (ประมาณ 20 เท่า) และต้องบริหารหลักประกันที่วาง
ขณะที่ในแง่ของสภาพคล่อง พบว่าทั้งสองผลิตภัณฑ์มีสภาพคล่องที่สูงเพียงพอต่อการซื้อขาย โดยหากพิจารณาข้อมูลย้อนหลัง 6 เดือน GLD มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 49,000 ล้านบาท ส่วน Gold Online Futures อยู่ที่ประมาณ 24,000 ล้านบาท
หากพิจารณาในแง่ความเคลื่อนไหวเมื่อเทียบกับราคาทองคำโลก จะพบว่า GLD มีแนวโน้มเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาทองคำโลกมากกว่า Gold Online Futures เนื่องจาก GLD มี Correlation กับราคาทองคำโลกย้อนหลัง 6 เดือนในระดับ 0.99 สูงกว่า Gold Online Futures ที่อยู่ราว 0.85 เพราะ Gold Online Futures มักซื้อขายที่ราคาสูงกว่าราคาทองคำโลก (Spot) ในช่วงต้นของอายุสัญญา แต่จะมาบรรจบตอนหมดอายุที่ราคาเดียวกัน หรือเรียกว่าสภาวะ Contango ซึ่งในทางทฤษฎีหมายความว่าการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงจะมีต้นทุนในการถือครอง ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลงทุนหรือเก็งกำไรผ่าน Gold Online Futures แทน ทำให้ราคา Futures สูงกว่า Spot อย่างไรก็ดี การเลือกลงทุนหรือเก็งกำไรผ่าน Gold Online Futures จะมีข้อดีกว่าการลงทุนใน GLD ตรงที่สามารถใช้เงินจำนวนน้อยกว่า (เพื่อเป็นหลักประกันในการเทรด) แต่ต้องมาพร้อมกับการบริหารความเสี่ยงที่ดีกว่าเช่นกัน
ในสถานการณ์โลกที่มีความไม่สงบเกิดขึ้น ทองคำมักจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้จริง มีความสามารถในการรักษามูลค่าในระยะยาว หรือแม้กระทั่งธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกก็มีการเก็บทองคำไว้เพื่อเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
หากพิจารณาจากสถิติของราคาทองทำโลกในช่วงสงครามและความไม่สงบที่เกิดขึ้นในอดีต พบว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ สงครามอ่าวเปอร์เซีย วินาศกรรม 9/11 สงครามยึดครองอิรัก สงครามรัสเซียกับยูเครน สงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส จนมาถึงล่าสุดสงครามอิสราเอลกับอิหร่าน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันราคาทองคำโลกจะเริ่มมีการพักฐานลงมาบ้างหลังปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่ประเมินว่าทองคำจะยังเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ควรมีติดพอร์ตลงทุนเอาไว้ในช่วงที่เหลือของปี เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา รวมถึงจะมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงปลายปี
สำหรับนักลงทุนระยะยาว การลงทุนผ่าน ETFs ทองคำต่างประเทศเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสถิติใน 20 ปีที่ผ่านมา GLD ETFs สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี ในขณะที่นักลงทุนระยะสั้นก็สามารถเก็งกำไรราคาทองได้ผ่านสินค้าบน TFEX ที่มีอยู่ 3 ประเภท โดยขอแนะนำ Gold Online Futures ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจลงทุนใน Gold Futures และ Gold Online Futures แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้พื้นฐานการลงทุน ตลอดจนกลไกการซื้อขาย การวางหลักประกัน กลยุทธ์การลงทุน และข้อควรระวังของการลงทุนในอนุพันธ์ ผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุนอนุพันธ์ฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
หรือสนใจ ลงทุนในกองทุนรวม ETF แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน ผลตอบแทนและความเสี่ยง สิทธิประโยชน์ทางภาษี และวิธีซื้อขายกองทุน ETF พร้อมเทคนิคการลงทุนอย่างมืออาชีพ ผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้ลงทุน ETF” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่