เมื่อเอ่ยถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนสนใจลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ คือ กลุ่มสื่อสาร เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัฏจักร จึงไม่ต้องกังวลกับภาวะเศรษฐกิจ ที่สำคัญได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 และขาดไม่ได้ของผู้คนในยุคนี้และในอนาคต
นอกจากนี้ โดยรวมแล้วเป็นหุ้นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลที่น่าสนใจ แต่ประเด็นที่ถือเป็นจุดอ่อนที่นักลงทุนต้องติดตาม คือ การแข่งขัน เพราะเมื่อเป็นธุรกิจเชิงโครงสร้างพื้นฐาน การแข่งขันจะทำให้เกิดต้นทุนค่าใช้จ่าย ใช้เงินลงทุนเป็นระยะ ๆ ด้วยเหตุนี้ ก่อนตัดสินใจลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงินให้ละเอียด (บทความนี้จะวิเคราะห์งบการเงิน ธุรกิจผู้ให้บริการโทรศัพท์ โทรศัพท์ผ่านเสียง (Voice) และข้อมูล (Data) และบริการเสริมต่าง ๆ)
ลักษณะงบการเงินของหุ้นกลุ่มสื่อสาร
เมื่อเปิดงบการเงินธุรกิจผู้ให้บริการโทรศัพท์ (เช่น ADVANC, TRUE) ก็จะมีสินค้าเหมือนกัน คือ โทรศัพท์ผ่านเสียง (Voice) และข้อมูล (Data) และบริการเสริมต่าง ๆ ดังนั้น จึงต้องลงทุนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนขนาดใหญ่ไปก่อน จากนั้นเมื่อเปิดให้บริการจึงจะเริ่มเก็บเกี่ยวรายได้ไปเรื่อย ๆ
แต่จุดสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือ จะต้องใช้ใบอนุญาตหรือสัมปทานในการเริ่มต้นธุรกิจ หมายความว่า จะต้องสร้างรายได้เพื่อนำมาคืนหนี้ให้ได้ก่อนใบอนุญาตหรือสัมปทานจะหมดอายุ (ประมาณ 20 ปี) โดยการดำเนินธุรกิจเริ่มต้นด้วยการทำสัมปทานกับรัฐวิสาหกิจ (บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT)) ซึ่งมีรูปแบบสำคัญ 2 แบบ
ในช่วงเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจแบบเสียงยุค 2G พบว่าคาดการณ์ค่อนข้างยากเกี่ยวกับตัวเลขรายได้และกำไร จึงมีการปรับสัญญากันอย่างต่อเนื่อง จึงมีเหตุการณ์ฟ้องร้องระหว่างเอกชนกับรัฐวิสาหกิจตามมาเช่นกัน ดังนั้น หากพิจารณาหมายเหตุประกอบงบการเงิน พบว่ามีเรื่องคดีความ การฟ้องร้องผูกพันอย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ยุค 4G เป็นต้นมาจะดำเนินการภายใต้ระบบใบอนุญาต โดยมีคณะกรรมการกำกับกิจการวิทยุและโทรคมนาคม เป็นผู้ดูแลจัดประมูลและจัดเก็บค่าใบอนุญาตส่งกระทรวงการคลัง ทำให้แทบไม่มีการฟ้องร้อง
โดยสรุป ธุรกิจนี้จะต้องลงทุนหนัก ๆ ก่อน และต้องทำกำไรคืนหนี้ให้ได้ก่อนหมดสัมปทานหรือใบอนุญาต ดังนั้น หากสนใจลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ต้องรอจังหวะปีที่ธุรกิจสร้างผลประกอบการถึงจุดคุ้มทุนมากกว่า “ต้นทุนคงที่” และพลิกจากขาดทุนเป็น “กำไร”
คำศัพท์ที่ต้องรู้
เมื่อบริษัทได้ประกาศงบการเงินแต่ละงวด รายการที่นักลงทุนควรพิจารณาเป็นอันดับแรก คือ ทิศทางรายได้ เพราะต้นทุนส่วนใหญ่จะเป็นต้นทุนคงที่ ดังนั้น จะต้องประเมินว่าธุรกิจจะต้อง “ขาดทุนลดลงเรื่อย ๆ” หรือผลประกอบการต้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญต้องรักษากำไรไว้ให้ได้จนหมดสัมปทานหรือใบอนุญาต
เนื่องจาก “รายได้” เป็นหัวใจในการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มสื่อสาร ดังนั้น คำอธิบายผลประกอบการที่มาพร้อมงบการเงินจะแยกรายได้เป็น “ราคาและปริมาณ” และเพื่อให้วิเคราะห์ได้ง่ายมากขึ้น ควรทำความเข้าใจคำศัพท์ที่สำคัญ
โดยสรุป ธุรกิจสื่อสารจะมีคำศัพท์เฉพาะของอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะเป็นค่าที่ใช้วัดส่วนของรายได้ โดยแยกเป็นปริมาณและราคา สามารถเข้าไปดูได้ที่คำอธิบายผลประกอบการที่ออกมาพร้อมงบการเงิน ทำให้นักลงทุนสามารถมองแนวโน้มธุรกิจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ควรเข้าใจสูตรคำนวณข้อมูลเชิงการเงิน มีดังนี้
การจับจังหวะถึงจุดคุ้มทุนด้วยงบการเงิน
ช่วงที่นักลงทุนรอสำหรับหุ้นกลุ่มสื่อสาร คือ จังหวะที่รายได้ของบริษัทถึงจุดคุ้มทุน โดยสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่าบริษัทกำลังถึงจุดคุ้มทุนหรือต้นทุนเริ่มคงที่ คือ อัตรากำไรขั้นต้นเริ่มเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) ดังนั้น หากเห็นสัญญาณดังกล่าว ประเมินว่าธุรกิจกำลังเริ่มมีกำไร เพราะเมื่อรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องก็จะเห็นตัวเลขกำไรขั้นต้น กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
การประเมินมูลค่า
เนื่องจากธุรกิจสื่อสารเป็นธุรกิจที่ดำเนินการด้วยสัมปทานหรือใบอนุญาต (มีวันหมดอายุ) ทำให้การประเมินมูลค่าต้องประเมินด้วย “กระแสเงินสด” ในแต่ละปี ไปจนถึงปีที่หมดสัมปทานหรือใบอนุญาต ดังนั้น ข้อควรระวัง คือ หลังจากหมดสัมปทานหรือใบอนุญาต และกรณีที่ไม่ได้ต่ออายุสัมปทานหรือใบอนุญาต รายได้อาจลดลงอย่างรวดเร็ว จึงพบว่าบริษัทแต่ละแห่ง (เช่น ADVANC และ TRUE) จะต้องขอใบอนุญาตเพื่อทำให้มีใบอนุญาตต่อเนื่อง
ดังนั้น นักลงทุนควรดูกระแสเงินสดว่ามีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ ถ้ากระแส เงินสดเหมือนเดิม ราคาหุ้นก็จะทรง ๆ ถ้ามีแนวโน้มลดลง ราคาหุ้นก็มีโอกาสจะปรับลง อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสื่อสารถือเป็นกลุ่ม “จ่ายเงินปันผล” โดยการที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลได้ดีและสม่ำเสมอ จะต้องมาจากกําไรที่เพิ่มขึ้นกับการจ่ายปันผลที่เพิ่มขึ้น เช่น กําไรสุทธิ 10 บาท จ่ายปันผล 5 บาท ปีถัดไปกําไรสุทธิ 10 บาท จ่ายปันผล 7 บาท หมายความว่า กำไรเท่าเดิม แต่จ่ายปันผลเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงควรดู Payout Ratio โดยก่อนตัดสินใจลงทุนต้องดูว่า Payout Ratio เพิ่มขึ้นหรือลดลง
สะท้อนว่า หุ้นกลุ่มสื่อสารจะมี “ผลตอบแทน” ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้น ต้องดู EBITDA ในแต่ละปีว่ามีมากกว่า “เงินต้นและดอกเบี้ยจ่าย” หรือไม่ หากมีมากกว่าและนำมาจ่ายปันผลก็ไม่มีปัญหา และเนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถประเมินรายได้ได้ ดังนั้น ถึงแม้จะมีหนี้สินค่อนข้างสูง แต่ก็นำไปซื้อสินทรัพย์ที่มีประโยชน์ จึงเป็นธุรกิจที่ยอมรับได้ว่าจะมี D/E Ratio ที่สูง จึงเป็นหุ้นที่ซื้อขายกันที่ P/BV Ratio สูง เพราะ ROE สูง และมาร์จิ้นอยู่ในระดับที่ดี ดังนั้น เมื่อเห็นราคาหุ้นปรับย่อลงมา จึงเป็นโอกาสในการเข้าไปเก็บสะสม และเน้นลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน