DR ประตูบานใหม่แห่งการลงทุนต่างประเทศ มือใหม่ มือเก๋า เริ่มต้นอย่างไร

โดย รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง
3 Min Read
22 มีนาคม 2567
2.898k views
TSI_Article_568_Thumbnail
Highlights
  • นักลงทุนที่สนใจลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะลงทุนในหุ้นรายตัว อาจรู้สึกวุ่นวายและปวดหัวกับเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ ทางเลือกที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการลงทุนต่างประเทศผ่าน DR

  • DR หรือ Depositary Receipts เป็นตราสารที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศได้ด้วยเงินบาทผ่านตลาดหุ้นไทย

  • ปัจจุบัน DR เป็นเครื่องมือในการลงทุนต่างประเทศที่ได้รับความนิยม และมีหุ้นรายตัวหรือ ETF ให้เลือกลงทุนในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป จีน ฮ่องกง และเวียดนาม เป็นต้น เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่อาจจะยังไม่ถนัดเลือกหุ้นรายตัว สามารถลงทุนเป็น ETF ส่วนนักลงทุนมือเก๋า ก็มีหุ้นรายตัวให้เลือกลงทุนหลากหลายธีม

การลงทุนต่างประเทศได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากผลตอบแทนของตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ในระดับที่น่าสนใจ เช่น ปี 2566 ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 24% ดัชนี EURO STOXX 600 ปรับขึ้น 13% หรือดัชนี VN ของเวียดนามปรับขึ้น 12% เป็นต้น และหากดูผลตอบแทนย้อนหลังในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 บวกถึง 159% ส่วนดัชนี EURO STOXX 600 บวก 46% และดัชนี VN บวก 126%

 

โดยนักลงทุนไทยสามารถเลือกลงทุนต่างประเทศได้ทั้งแบบลงทุนตรงผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการลงทุนต่างประเทศ หรือเลือกลงทุนผ่านตลาดหุ้นไทยที่มีสินทรัพย์ลงทุนต่างประเทศให้เลือกหลากหลาย โดยมีเครื่องมือการลงทุนประเภทหนึ่งที่กำลังเป็นที่น่าสนใจ คือ DR (Depositary Receipts) ที่ซื้อขายได้เสมือนหุ้น โดยมีกลไก คือ ผู้ออก DR จะเป็นผู้ที่ไปซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศ (หุ้น หรือ ETF ต่างประเทศ) แล้วนำมาเสนอขายหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นให้กับนักลงทุนไทยในรูปของสกุลเงินบาทที่ซื้อขายได้ด้วยบัญชีหุ้นไทย

 

ปัจจุบัน DR ในประเทศไทยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น สังเกตจากมูลค่าตลาดโดยรวมในปี 2566 อยู่ที่ระดับประมาณ 16,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่อยู่ระดับ 575 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ DR ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ฮ่องกง เวียดนาม เป็นต้น โดยมีทั้งที่อ้างอิงหุ้นรายตัว และ ETF ต่างประเทศ ดังนั้น หากต้องการเริ่มกระจายการลงทุนไปต่างประเทศ DR เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ตอบโจทย์นักลงทุนทั้งมือใหม่และมือเก๋า โดยปัจจุบัน DR ในตลาดหุ้นไทย แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

 

  • DR ที่อ้างอิงหุ้นสามัญ เช่น DR LVMH01 และ DR ASML01 ซึ่งเป็น DR ที่อ้างอิงหุ้นยุโรป 2 ตัวแรกในตลาดหุ้นไทย หรือ DR BABA80 และ SIA19 ที่อ้างอิงหุ้นฮ่องกงและหุ้นสิงคโปร์ เป็นต้น

 

  • DR ที่อ้างอิง ETF ในต่างประเทศ เช่น DR NDX01 อ้างอิง ETF ที่อิงกับดัชนี Nasdaq 100 ของสหรัฐอเมริกา DR E1VFVN3001 ที่อ้างอิง ETF ในเวียดนามที่ลงทุนอิงกับดัชนี VN 30 หรือ DR CNTECH01 ที่อิงกับ ETF ที่ลงทุนอิงดัชนี Hang Seng TECH ในฮ่องกง เป็นต้น

 

มือใหม่ เลือก DR จากอะไรดี

สำหรับมือใหม่ อาจเริ่มจากการลงทุน DR ในประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น เวียดนาม โดยปัจจุบันในตลาดหุ้นไทยมี DR ที่อ้างอิงหุ้นเวียดนาม 2 ตัว โดย DR E1VFVN3001 อ้างอิง DCVFMVN30 ETF ลงทุนอิงกับดัชนี VN 30 ที่เป็นดัชนีหุ้นเวียดนามชั้นนำขนาดใหญ่ 30 ตัวในตลาดหุ้นเวียดนาม (คล้ายกับดัชนี SET50) ส่วน DR FUEVFVND01 อ้างอิง DCVFMVN DIAMOND ETF ลงทุนอิงกับดัชนี VN Diamond ดัชนีหุ้นเวียดนาม 18 ตัว

 

อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนไทยสนใจลงทุนหุ้นเวียดนามโดยตรง จะมีข้อจำกัดที่เรียกว่า Foreign Ownership Limit (FOL) หมายถึง สัดส่วนการถือครองหุ้นสูงสุดของนักลงทุนต่างชาติที่สามารถเข้าลงทุนได้ของหุ้นตัวนั้น ๆ หมายความว่า หากนักลงทุนสนใจหุ้นตัวนั้นแต่ไม่มี Foreign Room เหลือแล้ว ก็ไม่สามารถเข้าไปลงทุนได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนหุ้นเวียดนาม สามารถลงทุนผ่านดัชนี VN Diamond ที่รวบรวมหุ้นเวียดนามที่ปลดล็อกข้อจำกัดเรื่อง Foreign Room  

 

มือเก๋าทันเกม ลุย DR ไหนดี

มือเก๋าใจกล้า

นักลงทุนมือเก๋าส่วนใหญ่จะติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวของการลงทุนทั่วโลก จึงรู้ว่าตลาดหุ้นไหนที่มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะในด้านมูลค่าและความน่าสนใจในระยะยาว เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง ถึงแม้ดัชนีหลัก Hang Seng จะฟื้นตัวมาราว 13% จากจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ปี 2565 แต่มูลค่ายังน่าสนใจ โดยประเมินว่า P/E Ratio 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 7.9 เท่า ซึ่งนักวิเคราะห์มองไปในทิศทางเดียวกันว่ายังมี Upside ในการฟื้นตัว หลังรัฐบาลจีนเข้ามาเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน เช่น การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลาง การใช้นโยบายสนับสนุนตลาดทุน ไม่ว่าจะตั้งกองทุนพยุงหุ้น หรือลดค่าธรรมเนียมการเทรดหุ้น รวมถึงสัญญาณดีจากการฟื้นตัวของภาคการบริโภคจีน สังเกตจากตัวเลขท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ

 

ดังนั้น DR ที่น่าจะเหมาะกับนักลงทุนมือเก๋าสายซิ่งลุ้น คือ DR HK01 อิง Tracker Fund of Hong Kong ที่เป็น ETF ที่เก่าแก่ที่สุดในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยลงทุนอิงดัชนี Hang Seng ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นฮ่องกงโดยรวม ทั้งที่เป็นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและบริษัทฮ่องกงที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยนอกจากเป็นการลงทุนตามธีมการฟื้นตัวของภาคการบริโภคจีนแล้ว ยังมีลุ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่มีทิศทางดีขึ้น หลังรัฐบาลจีนเข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุน ผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งดัชนี Hang Seng มีน้ำหนักในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ราว 6%

 

มือเก๋ามีสไตล์

นักลงทุนมือเก๋าที่มีประสบการณ์การลงทุน อาจใช้กลยุทธ์แบบ Selective เลือกลงทุนหุ้นรายตัวผ่าน DR LVMH01 อ้างอิงหุ้นสามัญของบริษัท LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE เจ้าของอาณาจักรแบรนด์หรูระดับโลกกว่า 75 แบรนด์ โดยแบรนด์เครื่องหนังระดับโลก คือ Louis Vuitton ที่มีจุดแข็ง คือ สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ทุกปี ทำให้กำไรของบริษัทมีความแข็งแกร่งเติบโตต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี และประเมินว่ายอดขายสินค้าแบรนด์หรูยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจีนที่เป็นตลาดบริโภคสินค้าแบรนด์หรูใหญ่ที่สุดในโลก

 

นอกจากนี้ มือเก๋ายังสามารถลงทุน DR ASML01 ที่อิงหุ้นสามัญของบริษัท ASML Holding N.V. ผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของโลก เรียกว่า เป็นรากฐานของอุตสาหกรรมชิป ซึ่งจุดแข็งของ ASML คือ เป็นผู้ครองเทคโนโลยีผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุด เป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Extreme Ultraviolet Lithography (EUV) แห่งเดียวในโลก จึงทำให้ ASML มีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องผลิตชิปอันดับ 1 มากกว่า 80% ขณะเดียวกัน สามารถเลือก DR ตัวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น TENCENT80, XIAOMI80, BIDU80 เป็นต้น

 

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบธีมการลงทุน AI ที่กำลังมาแรง โดยประเมินว่าเทรนด์ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีแนวโน้มที่จะแผ่ขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในวงกว้างมากขึ้น เช่น ธุรกิจการแพทย์ ธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น ทำให้ธุรกิจ AI มีความน่าสนใจต่อเนื่อง สามารถลงทุนผ่านหุ้นไทยกับ DR NDX01 ที่อ้างอิง ChinaAMC NASDAQ 100 ETF ลงทุนอิงดัชนี Nasdaq 100 ดัชนีหุ้นสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ 100 บริษัท เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น กลุ่ม Magnificent Seven (Microsoft, Apple, Amazon, Nvidia, Alphabet, Tesla และ Meta Platforms) ซึ่งมีน้ำหนักรวมกันถึง 40% ในดัชนี Nasdaq 100

 

นอกจากนี้ มือเก๋าสามารถกระจายการลงทุนไปยังหุ้นเทคโนโลยีของจีนผ่าน DR CNTECH01 ที่อ้างอิง ChinaAMC Hang Seng TECH Index ETFs ที่ลงทุนอิงดัชนี Hang Seng TECH บริษัทเทคโนโลยีจีน 30 ตัว ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและเป็นที่รู้จักในระดับสากลอย่างกลุ่ม ATMX ได้แก่ Alibaba, Tencent, Meituan และ Xiaomi ซึ่งมีการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง เช่น แชตบอต AI Tongyi Qianwen จาก Alibaba หรือ Ernie Bot จาก Baidu เป็นต้น อีกทั้ง ดัชนี Hang Seng TECH อาจเคลื่อนไหวสอดคล้องกับการบริโภคในจีนที่กำลังฟื้นตัว หลังจากมีน้ำหนักในหุ้นเทคโนโลยีที่อิงการบริโภคราว 70% เช่น กลุ่ม E-Commerce, Platform การท่องเที่ยว, รถยนต์ EV เป็นต้น

 

โดยสรุป การกระจายการลงทุนไปต่างประเทศที่น่าสนใจนอกจากการลงทุนโดยตรง คือ ลงทุนผ่าน DR เพราะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนไทยที่สามารถลงทุนได้ด้วยบัญชีหุ้นไทยด้วยสกุลเงินบาท ผ่านตลาดหุ้นไทยได้ และสามารถซื้อขายเรียลไทม์ (Real-Time) ได้เหมือนหุ้นไทยแบบไม่มีพักกลางวัน ที่สำคัญมีทางเลือกการลงทุนมากมาย ครอบคลุมตลาดหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจทั้งเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป จึงนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองได้

 

ศึกษาข้อมูล DR เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.set.or.th/th/market/product/dr/overview

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้พื้นฐานการลงทุนใน DR กลไกการเคลื่อนไหวของราคา ตลอดจนวิธีการซื้อขาย และกลยุทธ์การลงทุนใน DR สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ลงทุน DR ฉบับมือใหม่” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่ 

 

หรือเรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน ทางเลือกลงทุน และวิธีการลงทุนในต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทย เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “มือใหม่หัดลงทุนต่างประเทศ” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่ 

แท็กที่เกี่ยวข้อง: