Rebalancing Port ให้ปลอดภัย

โดย SET
3 Min Read
30 พฤศจิกายน 2563
8.487k views
TSI_Article_048_Inv_Thumbnail
Highlights
  • การปรับสมดุลของพอร์ตลงทุน (Rebalance) คือ การปรับให้สัดส่วนของสินทรัพย์ต่างๆ กลับมาอยู่ในนโยบายการลงทุนของตนเองหรือพอร์ตตั้งต้นที่ได้จัดสรรหรือวางไว้

  • การปรับสมดุลของพอร์ตลงทุน ทำได้โดยการขายสินทรัพย์ประเภทที่เกินสัดส่วนเดิมออกไป หรือนำเงินมาเติมในพอร์ต โดยซื้อสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนต่ำกว่าให้กลับมาเท่าเดิม

นักลงทุนหลายคนคงเคยสงสัยว่า... หากสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตของเราผิดเพี้ยนไปจากสัดส่วนตั้งต้น เพราะผลตอบแทนของสินทรัพย์แต่ละตัวเติบโตไม่เท่ากัน เราควรทำอย่างไรต่อดี วิธีสำคัญที่น่าจะตอบโจทย์นี้ได้ คือ “การปรับพอร์ตลงทุน” เพราะเมื่อเวลาผ่านไป สินทรัพย์ที่โตเร็วจะมีมูลค่าวิ่งแซงสินทรัพย์อื่นๆ สัดส่วนโดยรวมของพอร์ตจึงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และอาจทำให้ความเสี่ยงของพอร์ตเราเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

การปรับพอร์ตจึงทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า พอร์ตลงทุนจะยังตอบโจทย์เป้าหมายในอนาคต แถมยังอยู่ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ยิ่งในภาวะที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักลงทุนยิ่งจำเป็นต้องหันกลับมาดูพอร์ตที่ลงทุนไปว่ามีการปรับเปลี่ยนมากน้อยเพียงใด


ตัวอย่างเช่น
 นักลงทุนคนหนึ่งยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง (Moderate) จึงจัดสรรเงินลงทุนในหุ้น 50% ตราสารหนี้ 30% และเงินฝากอีก 20% ตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มลงทุน ซึ่งปีนั้นทั้งปีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นแบบทะยานฟ้า ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพอร์ตเพิ่มขึ้นอย่างมาก นักลงทุน H-A-P-P-Y แต่ลืมนึกไปว่า สัดส่วนของหุ้นในพอร์ตก็จะเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 70% ของพอร์ตด้วยเช่นกัน พอร์ตนี้จึงมีความเสี่ยงโดยรวมที่สูงขึ้น

TSI_Article_048_Inv_Rebalancing Port ให้ปลอดภัย_01

หากนักลงทุนไม่มีการปรับพอร์ตใดๆ และเกิดโชคดีที่หุ้นยังขึ้นต่อ สัดส่วนของหุ้นในพอร์ตก็จะยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็น 80% หรือ 90% ของพอร์ต แต่หากโชคร้าย สถานการณ์พลิกเป็นหุ้นตกอย่างแรงเมื่อไหร่ รับรองว่าพอร์ตที่มีหุ้นในสัดส่วนสูงๆ เสียหายหนักแน่นอน


ถ้าต้องยอมรับความเสี่ยงสูงขนาดนั้น นักลงทุนหลายท่านคงรับมือไม่ไหว


คำถามคือ จะปรับพอร์ตอย่างไรดี
?


เริ่มง่ายๆ จากการกำหนดช่วงการเปลี่ยนแปลงที่ยอมรับได้ของสินทรัพย์แต่ละประเภท เช่น กำหนดให้หุ้นมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ไม่เกิน 10% จากพอร์ตตั้งต้น ถ้าเกินจากสัดส่วนนี้ จะปรับพอร์ตทันที เพื่อปรับให้สัดส่วนการลงทุนกลับมาเท่าเดิม หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Rebalance” นั่นเอง

TSI_Article_048_Inv_Rebalancing Port ให้ปลอดภัย_02

จากตารางจะเห็นว่า หากสัดส่วนการถือครองหุ้นน้อยกว่า 40% หรือมากกว่า 60% ของพอร์ต นักลงทุนก็จะปรับพอร์ตให้กลับมาเท่ากับพอร์ตตั้งต้นที่วางไว้ คือ ถือหุ้น 50% ของพอร์ต ซึ่งนักลงทุนอาจปรับพอร์ตโดย

  1. ขายสินทรัพย์ประเภทที่เกินสัดส่วนเดิม (Overweight) ออกไป เช่น ขายหุ้นออกไปให้เหลือสัดส่วนเพียง 50% ของมูลค่าพอร์ต แล้วนำเงินไปซื้อสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพื่อให้กลับมามีสัดส่วนเท่าเดิมในพอร์ตตั้งต้น
  2. นำเงินมาเติมในพอร์ต โดยซื้อสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนลดลงให้กลับมาเท่าเดิม (Underweight) เช่น ซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อให้กลับมามีสัดส่วน 50% เหมือนเดิม


กล่าวโดยสรุป การ Rebalance คือ การปรับสมดุลของพอร์ตลงทุนให้สัดส่วนของสินทรัพย์ต่างๆ กลับมาอยู่ในนโยบายการลงทุนส่วนตัวหรือพอร์ตตั้งต้นที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง ไม่เหวี่ยงจนเราหวั่นไหวอีกด้วย


Tips : หลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการหาช่วงเวลาปรับพอร์ต

  1. กำหนดตามช่วงเวลา เช่น กำหนดว่าจะปรับพอร์ตทุกไตรมาส ทุก 6 เดือน หรือทุกปี
  2. กำหนดเป้าหมายในการปรับพอร์ต เช่น ถ้าพอร์ตมีกำไร 5% 10% หรือ 15% จะปรับพอร์ต 1 ครั้ง
  3. กำหนดช่วงเวลาและเป้าหมายในการปรับพอร์ต เช่น ตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าครบ 6 เดือน และพอร์ตมีกำไร 10% จะทำการปรับพอร์ต 1 ครั้ง หากอย่างใดอย่างหนึ่งไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้ ก็ยังไม่ทำการปรับพอร์ตในรอบนั้น รออีกทีก็ 6 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ อาจต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ สถานะทางการเงิน รวมไปถึงข้อจำกัดของแต่ละคน และการคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคต หากปัจจัยเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนก็ควรที่จะพิจารณาปรับพอร์ตด้วยเช่นกัน


สำหรับนักลงทุนที่สนใจ อยากเรียนรู้เทคนิคและกระบวนการบริหารพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับสไตล์ตนเอง เพื่อสร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ครบเครื่องเรื่องบริหารพอร์ตลงทุน” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่

แท็กที่เกี่ยวข้อง: