ภายหลังจากช่วงเวลาอันยาวนานของการแพร่ระบาดโควิด-19 มีอุตสาหกรรมหนึ่งที่ยังคงอยู่ในเส้นทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยช่วงหลังมานี้จะเห็นได้ว่าหลายประเทศมีการผ่อนคลายเกณฑ์พิจารณาวีซ่ามากขึ้นเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้มักจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น การจองที่พักออนไลน์ การจองตั๋วเครื่องบิน การจองร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งบริการเหล่านี้ล้วนสามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท Booking Holdings ทั้งสิ้น
หากใครเคยเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในประเทศและต่างประเทศ ก็อาจเคยได้ใช้บริการของ Booking Holdings เนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้หลายแบรนด์ ได้แก่
บริการทั้งหมดนี้ สามารถเรียกร่วมกันได้ว่า Online Travel Agency (OTA) โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัท Booking Holdings มีการให้บริการทั้งหมด 55 ประเทศ ครอบคลุม 1,300 เมืองทั่วโลก โดยมีจุดให้บริการจองรถเช่ากว่า 42,000 จุด และสามารถรองรับได้มากกว่า 40 ภาษา ซึ่งปัจจุบันบริษัท Booking Holdings (BKNG) จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq) สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap.) อยู่ที่ 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 มีนาคม 2024) โดยผู้เขียนจะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับบริษัท Booking Holdings ให้มากขึ้นครับ
รายได้ของบริษัท Booking Holdings มาจากอะไรบ้าง?
หากอ้างอิงงบการเงินปี 2023 รายได้ของบริษัทจะมาจาก 3 ส่วน คือ
รายได้ส่วนนี้จะเกิดขึ้นกับลูกค้าโดยตรง ซึ่งจะเป็นการแบ่งรายได้กับเจ้าของที่พักกับทางบริษัท โดยบริษัทอาจมีการตกลงเช่าที่พักกับเจ้าของแบบรายเดือน และนำไปปล่อยเช่าต่อในราคาที่บริษัทกำหนดเอง
รายได้ส่วนนี้มาจากค่านายหน้าของทุกธุรกรรมการจองบนแพลตฟอร์มของบริษัท โดยจะบันทึกรายได้เมื่อจบวันเข้าพักของลูกค้า และรายได้จะเกิดขึ้นกับทางที่พัก ซึ่งหากโรงแรมใดให้ค่านายหน้าเยอะก็จะยิ่งได้รับการจัดอันดับที่ดี และมีโอกาสที่ลูกค้าจะเห็นที่พักบนแพลตฟอร์มมากขึ้น
รายได้ค่าโฆษณาส่วนใหญ่มาจาก KAYAK ที่รวมหลาย Online Travel Agency (OTA) ไว้ที่เดียว และรายได้จากค่านายหน้าการจองร้านอาหารและค่าสมาชิกการจัดการร้านอาหาร
กลยุทธ์เพิ่มยอดจองโรงแรมของ Booking Holdings
Booking Holdings ตั้งเป้าเป็นผู้นำระดับโลกในการจองที่พักและบริการออนไลน์ โดยต้องการให้ผู้คนสามารถค้นหา จอง และชำระเงินได้อย่างสะดวก และสามารถให้ผู้บริโภคเลือกความคุ้มค่าได้ด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานง่าย ดังนั้น บริษัทจึงมีกลยุทธ์หลักในการดำเนินงาน 4 เรื่องด้วยกัน คือ
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ ส่งผลให้ Booking Holdings มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหากดูจากกราฟด้านบน จะเห็นได้ว่า Booking Holdings กำลังกินส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังช่วงโควิดเป็นต้นมา และเป็นอันดับ 1 ในแง่ของมูลค่าการจอง อย่างไรก็ดี ในระยะยาวอาจต้องจับตาดูการเข้ามามีส่วนร่วมของบริษัทเทคโนโลยีที่มีการนำเสนอการวางแผนการเดินทางด้วย Generative AI ซึ่งอาจเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้
หากดูผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2020 จนถึงสิ้นปี 2023 (ภายหลังการแพร่ระบาดโควิด-19) จะเห็นได้ว่ามีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังรัฐบาลในหลายประเทศมีการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศลง โดยยอดจองห้องพักในปี 2022 เพิ่มขึ้น 52% จากปี 2021 และสูงกว่าปี 2019 (ก่อนการระบาดโควิด-19) ถึง 6% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการจองในยุโรป และเอเชียเป็นหลัก
ขณะที่ในปี 2023 แม้บริษัทจะมีการระงับการจองที่พักในรัสเซียและเบลารุส เนื่องจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยอดจองห้องพักยังเติบโต 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและสูงกว่าปี 2019 ถึง 24% เพราะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในยุโรป โดยรายได้ในปี 2023 อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ในการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2023 บริษัทยังมีการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ โดยจะจ่ายในมูลค่า 8.75 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น และยังคาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสด ทั้งนี้ ผู้บริหารยังคาดการณ์ว่าในปี 2024 ยอดจองห้องพักและรายได้จะเติบโตมากกว่า 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้จะยังมีปัญหาในประเทศอิสราเอลและกลุ่มฮามาสก็ตาม
โอกาสลงทุนหุ้น Booking Holdings ผ่านตลาดหุ้นไทย
ปัจจุบัน นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ผ่านการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ซื้อขายบนกระดานตลาดหุ้นไทย เช่น DRx (Fractional DR) ซึ่งเป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยผู้ออก DRx จะเป็นคนไปซื้อหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศ แล้วนำมาเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยในรูปสกุลเงินบาทอีกต่อหนึ่ง ซึ่งผู้ถือ DRx จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เสมือนลงทุนหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศโดยตรง
ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศของบริษัท BOOKING HOLDINGS INC. หรือ DRx ของหุ้น BKNG มีสัญลักษณ์ซื้อขาย คือ BKNG80X เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้น BKNG ได้บนกระดานตลาดหุ้นไทย (อัตราส่วน 1 หุ้น BKNG : 50,000 DRx) ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ต้องยุ่งยากในการไปลงทุนหุ้น BKNG ในต่างประเทศโดยตรง มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ เนื่องจาก DRx สามารถลงทุนขั้นต่ำโดยเริ่มต้นที่ 0.0001 หน่วยเท่านั้น และสามารถเลือกซื้อขายเป็นจำนวนเงินบาท หรือ จำนวนหน่วยของ DRx ก็ได้
นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อขายตามเวลาทำการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะเปิดซื้อขายในเวลา 2 ทุ่มถึงตี 4 ของวันถัดไป ทำให้การเคลื่อนไหวของราคา DRx จะสอดคล้องกับหุ้น BKNG ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq) สหรัฐอเมริกา โดยนักลงทุนสามารถซื้อขาย DRx ได้อย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน Streaming เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้น เพียงแค่เปิดบัญชี DRx ซึ่งเป็นบัญชีย่อยภายใต้บัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มเติม หรือนักลงทุนที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่แล้วสามารถขอเปิดบัญชี DRx ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน Streaming ได้เช่นกัน
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน