เมื่อพูดถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนมือใหม่ที่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มักจะมีคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอว่า “ การวิเคราะห์ Digital Token ก่อนตัดสินใจลงทุนจำเป็นแค่ไหน ?” ชวนมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
เช่นเดียวกันกับการลงทุนในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม กิจการ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ขึ้นชื่อว่าการลงทุน ก็ย่อมที่จะมีความเสี่ยงควบคู่ไปด้วยกัน ยิ่งการลงทุนใดที่ได้รับผลตอบแทนมาก ความเสี่ยงก็มักจะมากตามไปด้วย ดังประโยคที่ว่า “High Risk, High Return” การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนสูงก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนและเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประกอบการตัดสินใจได้เป็นอย่างดีคงจะหนีไม่พ้น “การวิเคราะห์ข้อมูล” ยิ่งเรารู้จักสินทรัพย์ต่างๆ ได้ดีมากแค่ไหน เราย่อมมีความเข้าใจและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เห็นความสำคัญของการวิเคราะห์ Digital Token คำถามต่อไปคือ....เราจะสามารถใช้วิธีการใดได้บ้างในการประเมินมูลค่าของ Digital Token ทุกวันนี้หากพูดถึงการลงทุน นักลงทุนหลายคนคงนึกถึงการดูกราฟ หรือที่เราจะมักเรียกกันว่า “การวิเคราะห์ทางเทคนิค” ที่จะใช้ข้อมูลสถิติของราคาในอดีตมาใช้คาดการณ์การขึ้นลงของราคาในอนาคต และอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมไม่ต่างกัน คือ การประเมินมูลค่าโดยใช้หลักการ “การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน”
“การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน” เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักลงทุนสาย VI (Value Investment) หรือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าในตลาดหุ้น ที่จะเน้นในการหา “มูลค่าของหุ้น” เปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันในตลาดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน เช่น จะซื้อเมื่อ “ราคาปัจจุบัน ถูก กว่ามูลค่าของหุ้น” และขายเมื่อ “ราคาปัจจุบัน แพง กว่ามูลค่าของหุ้น”
แล้วหลักการนี้ สามารถนำมาใช้กับการหามูลค่าของ Digital Token ได้อย่างไร ? เรามาเริ่มต้นไปพร้อมๆ กัน เริ่มจากการระบุประเภทของ Digital Token ที่สนใจลงทุนว่าเป็น Investment Token หรือ Utility Token เพื่อมาวิเคราะห์หามูลค่าที่แท้จริง หรือ Intrinsic Valuation จากข้อมูล 2 แบบ คือ
ตัวอย่างที่ 1 :
โทเคน A เป็น Digital Token รูปแบบ Investment Token ที่ให้ “สิทธิ” แก่ผู้ถือโทเคนในการรับส่วนแบ่งรายได้จากการร่วมลงทุน โดยผู้ถือโทเคน 100 โทเคน เปรียบเสมือนการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมราคา 1 ล้านบาท ที่มีการปล่อยเช่าเดือนละ 10,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน ดังนั้นแล้วนักลงทุนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่านั้น โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของคอนโมเนียมทั้งยูนิต โดยการนำผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินมาหารกับจำนวนโทเคนทั้งหมด เริ่มต้นด้วยการนำ
ตัวอย่างที่ 2 :
โทเคน B เป็น Digital Token รูปแบบ Utility Token ที่ให้ “สิทธิ” แก่ผู้ถือโทเคนในการแลกรับสินค้าและบริการ โดย 1 โทเคนสามารถใช้แทนบัตรคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดังมูลค่า 30,000 บาท และบัตรทานอาหารมูลค่า 500 บาท
สรุปได้ว่า นักลงทุนสามารถใช้ “หลักการประเมินมูลค่าเบื้องต้น” ประกอบการตัดสินใจในการลงทุน โดยสามารถ ซื้อเมื่อ “ราคาปัจจุบัน ถูก กว่ามูลค่าของโทเคน” และขายเมื่อ “ราคาปัจจุบัน แพง กว่ามูลค่าของโทเคน”
เมื่อพูดถึงแหล่งข้อมูลในการลงทุน หากนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นก็มักจะอ่านข้อมูลจากงบการเงิน รายงานประจำปี หรือข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือถ้าจะลงทุนในกองทุนรวมก็จำเป็นต้องอ่าน สรุปข้อมูลสำคัญ (Fund Fact Sheet) แต่ถ้าหากจะลงทุนใน Digital Token สิ่งที่นักลงทุนจำเป็นจะต้องอ่านนั่นก็คือ เอกสาร Whitepaper ที่เป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญของ Digital Token
Whitepaper เปรียบเสมือนหัวใจหลักที่รวบรวมข้อมูลสำคัญ จากเจ้าของโครงการเพื่อให้นักลงทุนที่สนใจสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น
นอกเหนือจากเอกสาร Whitepaper นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตัดสินใจการลงทุน
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนใน Digital Token สามารถเริ่มต้นได้ง่าย เพียงไม่กี่ขั้นตอน
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนใน Digital Token สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TDX ศูนย์ซื้อขายโทเคนดิจิทัล เป็นบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายโทเคนดิจิทัลซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. และเป็นบริษัทในกลุ่มของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
*สุดท้ายแล้วสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง นักลงทุนที่สนใจควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน