รู้จักตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือคิดเป็นขนาดตลาดราว 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวครึ่งหนึ่งของขนาดตลาดหุ้นทั้งโลกรวมกัน) ถ้าให้เทียบกับ SET Index ของไทย ทั้งตลาดหุ้นไทยยังไม่ใหญ่เท่ากับหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่บางตัว โดยปัจจุบัน SET Index มีขนาดตลาดราว 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บริษัทสหรัฐฯ ที่เรารู้จักที่ขนาดตลาดพอ ๆ กับหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นไทยรวมกัน เช่น ห้าง Walmart ธนาคาร JP Morgan Chase ส่วนหุ้น Apple มีขนาดตลาดราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือใหญ่เป็น 6 เท่าของ SET Index
สหรัฐอเมริกา มี 2 ตลาดหุ้นหลักคือ New York Stock Exchange (NYSE) ซึ่งเป็นตลาดหลักที่มีมาก่อน ก่อตั้งในปี 1792 ส่วนตลาด Nasdaq ก่อตั้งเมื่อปี 1971 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โอกาสหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่สามารถจดทะเบียนได้ในตลาดหลัก มาจดทะเบียนในตลาดนี้ ซึ่งเมื่อก่อนส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นเทคโนโลยี แต่ปัจจุบันหุ้นเทคโนโลยีเหล่านั้นกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ไปแล้ว หรือที่เรารู้จักกันในนามหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent 7) ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้น Apple, Amazon, Alphabet, Meta, Microsoft, Nvidia และ Tesla
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ และเป็นที่นิยม ได้แก่ ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq
ความน่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นมีความน่าสนใจเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ เนื่องจากมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนมากที่สุดในโลก (กว่า 5,000 ตัว เทียบกับตลาดหุ้นไทยที่มีราว 700 ตัว) ดังนั้น จึงมีความหลากหลายของอุตสาหกรรมของบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียน โดยอุตสาหกรรมที่แตกต่างกับตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจน ได้แก่
ปัจจัยรองอื่น ๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความน่าสนใจ เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่มีเกณฑ์ Floor / Ceiling ซึ่งหุ้นสามารถขึ้นหรือลงได้ไม่จำกัดภายในหนึ่งวัน เทียบกับตลาดอื่นที่มี Floor / Ceiling เช่น ตลาดหุ้นไทย (SET) +/-30% ต่อวัน หรือตลาดหุ้นเวียดนาม (HOSE) +/-7% ต่อวัน เป็นต้น
แนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ด้วยความน่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่กล่าวไปข้างต้น หากนักลงทุนไทยสนใจลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถลงทุนได้ผ่านหลากหลายช่องทาง กรณีที่ไม่ต้องการยุ่งยากเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ การเปิดบัญชีใหม่ และภาษีกำไรจากการลงทุนต่างประเทศโดยตรง จะมีช่องทางให้เลือกลงทุน อาทิ
ข้อดีของช่องทางข้างต้นคือ ไม่เสียภาษีกำไรจากการลงทุน (Capital Gain Tax) ต่างจากการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมี DR ทั้งหมด 22 ตัว และมีหนึ่งตัวที่อิงดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แก่ NDX01 ซึ่งลงทุนอ้างอิงดัชนี NASDAQ 100 และ DRx 10 ตัว ซึ่งทั้งหมดเป็นหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และครอบคลุมหุ้น 7 นางฟ้าทุกตัว
ถ้านักลงทุนต้องการลงทุนตรง เพื่อจะไม่มีข้อจำกัดด้านความหลากหลายของหุ้นที่โบรกเกอร์ไทยนำมาขายเป็น DR / DRx นักลงทุนไทยก็สามารถเปิดบัญชีตรงกับโบรกเกอร์ไทยที่มีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การลงทุนโดยตรงเช่นนี้จะต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุนด้วย
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ เรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน ทางเลือกลงทุน และวิธีการลงทุนในต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทย เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “มือใหม่หัดลงทุนต่างประเทศ” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่
หรือเรียนรู้ลักษณะพื้นฐาน หลักการเลือกลงทุน และวิธีการลงทุน DRx ในต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทย สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “DRx ลงทุนไซซ์เล็ก เพื่อโอกาสใหญ่ในตลาดโลก” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่